ภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แสดงจุดยืนไม่ดันบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ส่งผลให้มีการแสดงความคิดเห็นมากมายผ่านโลกโซเชี่ยล
โดยชาวเน็ตจำนวนมากระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการแบนบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับหลายประเทศที่เริ่มให้ความสำคัญกับการออกนโยบายสุขภาพจากพื้นฐานของข้อมูลวิชาการที่ชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงน้อยกว่าบุหรี่มวน
ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามถึงเรื่องของผลประโยชน์ และความตั้งใจในการแก้ปัญหาด้านสุขภาพของ รมว. สาธารณสุข ซึ่งสนับสนุนการปลดล็อคกัญชา แต่กลับแบนบุหรี่ไฟฟ้า โดยปล่อยให้บุหรี่ซึ่งอันตรายกว่าและโรงงานยาสูบยังขายได้ตามปกติ
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ก็เป็นคนหนึ่งที่โพสต์แสดงความคิดเห็นโดยระบุว่า แน่จริงให้ปิดโรงงานยาสูบ
ด้านผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายอื่นๆ ต่างออกมาแสกงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน เช่น ที่กัญชาใบกระท่อมทำให้ถูกกฎหมายได้ นายทุนรวยกันเป็นแถบๆ บุหรี่ไฟฟ้าน่าจะทำ จะได้ภาษีมาอีกหลาย
,บุหรี่ที่ถูกกฎหมายตอนนี้กับบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย อันไหนโทษรุนเเรงต่อสุขภาพมากกว่ากัน แต่ภาษีที่ได้จากบุหรี่ มันมากมายมหาศาล จึงยอมแลกกับชีวิตประชาชน เป็นต้น
นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว @WoraphopV แสดงความเห็นด้วยว่าบุหรี่ไฟฟ้าควรได้รับการควบคุมอย่างถูกกฎหมาย โดยระบุว่า ควรปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้าแน่นอน ไม่ว่ามองจากมุมสังคม (เอาขึ้นมาบนดิน ป้องกันเยาวชนสูบได้ดีกว่าใต้ดิน) ,เศรษฐกิจ (ภาษีและเกษตรกรยาสูบ)
แม้แต่แต่ด้านสาธารณสุข ที่ทางวิชาการ ก็มีคนบอกว่า ช่วยลดคนสูบบุหรี่จริงได้ เวลามีผลงานวิชาการสากลอะไรเพิ่มเติมจะพยายามมาเล่า โดยที่ข้อความดังกล่าวได้รับการแชร์ และรีทวีตต่อเป็นจำนวนมาก
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่ากระทรวงฯ ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ หลังพบว่ามีการซื้อขายอย่างแพร่หลาย จึงเห็นว่าการแบนไม่สามารถแก้ปัญหาการใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้ แต่ต้องเป็นการออกมาตรการใหม่เพื่อควบคุมอย่างถูกกฎหมายแทน
นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ และเฟซบุ๊กเพจ บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร กล่าว่า ผิดหวังกับจุดยืนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ที่ไม่สนับสนุนการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย ทั้งๆ ที่นโยบายของพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนการปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด และให้มีกฎหมายควบคุมการใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการแพทย์ และวิสาหกิจชุมชน
“การแบนบุหรี่ไฟฟ้าไม่เหมาะสมกับบริบทในโลกปัจจุบัน เห็นได้จากที่มีผู้ใช้อยู่เป็นจำนวนมากซึ่งอาจรวมถึงเยาวชนด้วย ขัดต่อความตั้งใจของ สธ. ที่ไม่อยากให้เด็กซื้อบุหรี่ไฟฟ้าได้ และสร้างภาระเพิ่มเติมให้กับดีอีเอส ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ สธ. เองที่ต้องมาไล่จับหรือปิดเวปขายบุหรี่ไฟฟ้า เราจึงหวังว่านายอนุทินจะเปิดใจศึกษาข้อมูลทางวิชาการของบุหรี่ไฟฟ้า เช่นเดียวกับเมื่อครั้งผลักดันนโยบายกัญชาเสรี”