ยาต้านโควิดในปัจจุบันถูกผลิตออกมาหลากหลายชนิดจากผู้วิจัย และพัฒนาเพื่อใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 (Covid-19)
แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่มีชนิดไหนที่ยืนยันได้ 100% ว่าสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับโรค
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
Pfizer ยอมรับว่ายารักษาโควิดของตนเอง ไม่สามารถใช้ป้องกันโควิดได้
จากกรณีที่บริษัท Pfizer ได้วิจัยและพัฒนา จนได้ยารักษาโควิดซึ่งเป็นยาในกลุ่ม Protease inhibitor ชื่อ Paxlovid (แพ็กซ์โลวิด)
และได้มีผลการวิจัยว่า สามารถรักษาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการหนักจากโควิดได้ดี ในระดับเกือบ 90%
ทำให้ได้รับการอนุมัติใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (EUA) ทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ก็ได้สั่งยาดังกล่าวเข้ามาสำรองเตรียมไว้แล้ว
โดยมีประสิทธิผลที่เหนือกว่ายารักษาโควิดของบริษัทอื่นในปัจจุบัน
วันนี้บริษัท Pfizer ได้แถลงเพิ่มเติมการศึกษาขยายผล จากการรักษาโควิด ว่าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อจากโควิดได้หรือไม่
โดยเป็นการศึกษาขนาดใหญ่ ในผู้ใหญ่จำนวน 3000 ราย ที่มีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูง คือมีคนในครอบครัวติดเชื้อโดยผลการตรวจเป็นบวก และมีอาการร่วมด้วย
แบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มหนึ่งให้ยาหลอก(Placebo) และอีกกลุ่มหนึ่งให้ยาของบริษัทไฟเซอร์ (Paxlovid) ซึ่งให้ในแบบ 5 วันและ 10 วัน
ผลออกมาเป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง คือกลุ่มที่ได้รับยาของไฟเซอร์ไม่ว่าจะ 5 หรือ 10 วัน ก็ไม่ได้มีผลในการป้องกันโควิดที่เหนือกว่ายาหลอกแต่อย่างใด
ผลแตกต่างกัน ที่ติดเชื้อน้อยลงมีเพียง 32-37% ซึ่งถือว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติในทางการแพทย์
จึงทำให้ปรากฏข้อมูลที่ชัดเจนว่า ยา Paxlovid ของ Pfizer เป็นยารักษาโรค ไม่ใช่ยาป้องกันโรค
ทำให้หุ้นของบริษัท Pfizer ตกลงไป 4% เหลือเพียง 48.53 เหรียญสหรัฐ จากเดิมที่เคยตั้งใจจะขายยาดังกล่าวให้ได้ประมาณ 24,000 ถึง 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ ก็คงจะไม่เข้าเป้า