จี้หานักข่าวรับ3แสน จาก"กาโตะ" สมาคมสื่อฯนครศรีธรรมราช แจ้งความแล้ว

03 พ.ค. 2565 | 10:56 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ค. 2565 | 18:03 น.

รองผบก.นครศรีธรรมราช เตรียมขยายผล หลัง "สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช" แจ้งความจี้หาคนรับเงิน 3 แสนบาท จาก "อดีตพระกาโตะ" ขณะที่วัด“พระคนกลาง”เงียบ-ผู้สื่อข่าวอาวุโสเผยต้องสร้างความชัดเจน

วันที่ 3 พ.ค. 65 ที่ สภ.เมืองครศรีธรรมราช สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช แจ้งความกรณีที่ อดีตพระกาโกตะ ได้กล่าวในทำนองได้จ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาทให้กับนักข่าว เพื่อปิดข่าว

 

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหลังจากสมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช ได้ร่วมเข้าชื่อลงนามแนบท้ายหนังสือแจ้งความ เข้าแจ้งกับ พันตำรวจโทอาคม จอนนุ้ย หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

จี้หานักข่าวรับ3แสน จาก\"กาโตะ\" สมาคมสื่อฯนครศรีธรรมราช แจ้งความแล้ว

และขอให้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท หลังจากที่อดีตพระกาโกตะ ได้กล่าวในทำนองได้จ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาทให้กับนักข่าว

 

โดยในเรื่องนี้ พันตำรวจเอกมนเทียร เบ้าทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เข้าติดตามการแจ้งความและให้ข้อแนะนำกับการแจ้งความ โดยระบุว่าทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนเพื่อเป็นหลักฐานและติดตามตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น

 

หากเข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังจากนี้จะมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนหากเข้าข่ายกระทำความผิดฐานใด เช่น รีดเอาทรัพย์ จะต้องดำเนินการทางคดีด้วยเว้นแต่เป็นการให้โดยสุจริต

 

สำหรับการเตรียมการเจรจาหรือการเรียกรับหรือไม่นั้นขณะนี้ไม่มีทราบข้อเท็จจริงว่ามีใครอยู่ในกระบวนการบ้าง ซึ่งอาจมีความชัดเจนหลังจากที่มีการสอบสวนเรื่องนี้จากการแจ้งความแล้ว

จี้หานักข่าวรับ3แสน จาก\"กาโตะ\" สมาคมสื่อฯนครศรีธรรมราช แจ้งความแล้ว

ส่วนบรรยากาศที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นกุฏิจำพรรษาของพระรูปที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ที่รับหน้าที่คนกลาง ยังเงียบโดยไม่พบความเคลื่อนไหวมีเพียงช่างที่ทำงานก่อสร้างทำงานอยู่ที่หน้ากุฏิเท่านั้น

จี้หานักข่าวรับ3แสน จาก\"กาโตะ\" สมาคมสื่อฯนครศรีธรรมราช แจ้งความแล้ว

ขณะที่ นางนุชจรี แรกรุ่น ผู้สื่อข่าวอาวุโส ที่ปรึกษาสมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การแจ้งความดำเนินคดีที่เกิดขึ้นนั้นได้ดำเนินการไปใน 2 ประเด็น คือ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานตามรายผู้สื่อข่าวในการแสดงความบริสุทธิ์ใจ

 

และต่อมาคือร้องขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนตามฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นใครบ้าง และมีการเรียกรับกันจริงหรือไม่