น.ส.จินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. ได้ทำการศึกษาและสำรวจเกี่ยวกับการหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารสมัยใหม่ ระหว่างเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2565 ในประชากรช่วงอายุ 17-77 ปี จำนวน 5,798 ตัวอย่าง ทั่วประเทศ
ทั้งนี้พบว่า คนไทยเกือบครึ่งมีประสบการณ์ถูกหลอกลวงในช่วง 1 ปี และประมาณ 2 ใน 5 ตกเป็นเหยื่อ โดยกลุ่มตัวอย่าง 48.1% มีประสบการณ์โดนหลอกลวง ในจำนวนนี้ 42.6% ตกเป็นเหยื่อที่ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเฉลี่ยประมาณ 2,400 บาทต่อคน
ทั้งนี้ Gen Y หรือผู้ที่เกิดปี 2523 - 2540 และ Gen Z หรือผู้ที่เกิดปี 2540 ขึ้นไป ถูกหลอกลวงสูงกว่า Gen X หรือผู้ที่เกิดปี 2508 - 2522 และ Baby Boomer หรือผู้ที่เกิดปี 2489 - 2507 จากการใช้เวลาและกิจกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตมากกว่ากลุ่มอื่น อย่างไรก็ตามกลุ่ม Baby Boomer มีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ยต่อครั้งสูงที่สุด
สำหรับการหลอกลวงโดยอ้างจะให้ผลประโยชน์มีสัดส่วนมากที่สุด โดยรูปการหลอกลวงที่พบมาก คือ อีเมล์/SMS หลอกลวง ขณะที่ประเภทการหลอกลวงที่มีอัตราการตกเป็นเหยื่อสูงสุด คือ หลอกขายสินค้าออนไลน์ ซื้อแล้วไม่ได้รับของ โดยมีอัตราการตกเป็นเหยื่อสูงถึง 82.6% แต่มูลค่าการเสียหายไม่มาก คือ เฉลี่ยประมาณ 600-700 บาทต่อคน
ขณะที่การหลอกลวงข้อมูลส่วนตัวทางอีเมล์/SMS หลอกลวง การถูกแฮกข้อมูลหรือหลอก ขอข้อมูลบัตรเครดิต และการหลอกลวงให้ลงทุน ที่มีอัตราตกเป็นเหยื่อไม่สูง แต่มีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง
สำหรับผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่าครึ่งไม่มีการดำเนินการใด ๆ และเห็นว่าการป้องกัน/จัดการปัญหาของภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยกลุ่มตัวอย่าง 54.1% ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ด้วยเหตุผลว่ายังไม่เกิดความเสียหาย มีความยุ่งยากไม่มีเวลา คิดว่าแจ้งแล้วก็ไม่ช่วยอะไร และมูลค่าการสูญเสียไม่มากนัก นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ช่องทางการแจ้งเหตุที่เหมาะสม
ขณะที่ปัญหาการหลอกลวงผ่านเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน และสร้างความเสียหายให้กับผู้ถูกหลอกคิดเป็นมูลค่าที่สูง ในปี 2564 ประเทศไทยมีการใช้โทรศัพท์เพื่อหลอกลวงมากกว่า 6.4 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นถึง 270% และมีข้อความ SMS หลอกลวงเพิ่มขึ้น 57%
จากข้อมูลการแจ้งความและเรื่องร้องเรียน พบว่า ปี 2564 มีผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าแจ้งความกว่า 1,600 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่มีการร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 48,513 ครั้ง เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนหน้า
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการถูกหลอกและการเอาตัวรอด มีดังนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดในการรับมือกับปัญหา คือการหลอกลวงมีการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ ตลอดเวลา มีความซับซ้อนและความแนบเนียนมากขึ้น จึงยากต่อการรู้เท่าทัน และข้อมูลเกี่ยวกับการหลอกลวงมีความกระจัดกระจาย การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลยังไม่เป็นระบบ ซึ่งทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ยากและไม่เห็นภาพรวมของปัญหา
รวมทั้งการจัดการปัญหาการหลอกลวงของหน่วยงานภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยขาดการทำงานเชิงรุกทั้งในแง่การป้องกัน การสร้างการเรียนรู้ให้สังคมรู้เท่าทัน และการพัฒนาการสืบสวนให้ทันต่อสถานการณ์นอกจากนี้การหลอกลวงในหลาย กรณีมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม/อาชญากรรมข้ามชาติทำให้ไม่สามารถขยายผลไปถึงผู้บงการได้
ข้อเสนอต่อการแก้ไขปัญหา มีดังนี้