"ฝีดาษลิง" (Monkeypox) ยังคงสร้างความวิตกกังวลให้กับทั่วโลก WHO ออกมาเตือนถึงการระบาดของเชื้อฝีดาษลิงในหลายประเทศ ซึ่งล่าสุดมีรายงานพบผู้ป่วยเพิ่มเป็น 15 ประเทศทั่วโลกแล้ว
อิสราเอล สวิสเซอร์แลนด์ และออสเตรีย เป็น 3 ประเทศล่าสุดที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง ส่งผลทำให้ในเวลานี้ โดยอีก 12 ประเทศได้แก่ ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา สำหรับ อิสราเอล และ สวิสเซอร์แลนด์ ตรวจพบผู้ป่วยฝีดาษลิงแล้วหนึ่งราย ซึ่งเป็นคนที่เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) กับ โรคฝีดาษ (Smallpox) หรือ ไข้ทรพิษ ที่เคยระบาดในอดีต มีความแตกางกันอย่างไร ทั้งสาเหตุและอาการ
โรคฝีดาษลิง (Monkeypox)
- เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้เกิดอาการในคนคล้ายกับโรคไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษ (Smallpox)
- เด็กที่เกิดหลังจากปี 2523 ซึ่งไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษมาก่อน จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อโรคฝีดาษลิง
- อัตราการเสียชีวิตจากโรคฝีดาษลิง พบสูงสุดในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งอาจสูงถึงร้อยละ 10
- แพร่ระบาดจากสัตว์จำพวกกระรอกและลิงมาสู่คนด้วยการสัมผัสกับเลือดสัตว์หรือถูกสัตว์เหล่านี้กัด
อาการโรคฝีดาษลิง
- จะแสดงหลังจากติดเชื้อไปแล้วประมาณ 12 วัน มีอาการคล้ายโรคไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษ
- มีไข้ หนาวสั่น
- ปวดศีรษะ
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- ปวดกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย
- อาจมีอาการไอหรือปวดหลังร่วมด้วย
- มีผื่นขึ้นกระจายตามร่างกาย และกลายเป็นตุ่มหนอง
- อาการป่วยดังกล่าวจะเป็นอยู่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคได้เอง แต่ถ้าหากผู้ป่วยมีภูมิต้านทานโรคต่ำหรือมีโรคประจำตัว อาจเกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ปอดบวม หรือเสียชีวิตได้
โรคฝีดาษ (Smallpox)
- โรคติดต่อที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสวาริโอลา
- สามารถติดต่อจากคนสู่คน โดยจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่อยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก หรือน้ำลายของผู้ป่วย รวมถึงการสัมผัสกับผื่นหรือตุ่มน้ำของผู้ป่วยโดยไม่มีการป้องกันก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้
- ปัจจุบันโรคไข้ทรพิษถูกกวาดล้าง แต่ยังเก็บตัวอย่างเชื้อไว้เพื่อใช้สำหรับการศึกษาเพิ่มเติม จนได้มีการผลิตยารักษาโรคไข้ทรพิษตัวใหม่คือ ยา Tecovirimat (TPOXX) ในปี 2561 ที่ผ่านมา เพื่อรองรับการระบาดในอนาคต
อาการโรคฝีดาษ
- เมื่อได้รับเชื้อแล้วจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 7-17 วัน หลังจากนั้นจะเริ่มแสดงอาการต่างๆ
- มีไข้สูง
- รู้สึกไม่สบายตัว หนาวสั่น
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลียอย่างรุนแรง
- ปวดหลังอย่างรุนแรง
- อาเจียน
- มีผื่นสีแดงขึ้นลามไปทั่วทั้งตัว แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำและตุ่มหนองตามลำดับ
- จากนั้นต้องใช้เวลาอีก 8-9 วันแผลจึงเริ่มตกสะเก็ด แล้วค่อยๆ หลุด เหลือเพียงแผลเป็นในที่สุด โดยช่วงที่เกิดการแพร่กระจายเชื้อจะเริ่มตั้งแต่ช่วงที่มีผื่นขึ้นจนกระทั่งสะเก็ดแผลหลุดร่วงไปจนหมด
- หากผู้ป่วยไม่มีอาการที่รุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายก็สามารถหายเป็นปกติได้ในเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ และอาจมีเพียงแผลเป็นให้เห็น