วิธีจบสงครามโอมิครอนต้องทำอย่างไร กลุ่มไหนที่ต้องปกป้อง อ่านเลย

05 ก.ค. 2565 | 08:10 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2565 | 15:10 น.

วิธีจบสงครามโอมิครอนต้องทำอย่างไร กลุ่มไหนที่ต้องปกป้อง อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง สรุปข้อมูลสิ่งที่ต้องเจอ และการวางตัว

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า

 

Covid-19 (โควิด-19) : Omicron (โอมิครอน) Multi-Wave เรารู้อะไรเกี่ยวกับ Omicron Wave ย่อยที่ 2 บ้าง มาดูกัน 

 

ในหลายๆประเทศได้เกิด Wave ย่อยที่ 2 ของ OMC ไปแล้ว บางประเทศขึ้น Wave ย่อยที่ 3 แล้ว ผมรวบรวมมาให้ 15 ประเทศภ เพื่อจะได้พอมองออกว่าอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เรากำลังจะเจอกับอะไร และควรวางตัวประมาณไหน 

 

ข้อสรุปสำคัญจากต่างประเทศ:

 

  • ถ้าถอดหน้ากากมากจะเกิด OMC Wave ย่อยทุก 3 เดือน ถ้ายังใส่หน้ากากจะห่าง 6 เดือน ประเทศที่ใหญ่กว้างมากๆ Wave จะห่าง 6 เดือน 
  • OMC Wave ย่อยที่ 2 ผู้ติดเชื้อจะอยู่ในช่วง 30-50% ของ Wave แรก
  • OMC Wave ย่อยที่ 2 ผู้เสียชีวิตจะอยู่ในช่วง 10-30% ของ Wave แรก
  • OMC Wave ย่อยที่ 2 ใน South Africa เป็น BA.4, BA.5 แล้ว และมีขนาดเวฟของผู้ติดเชื้อเพียง 30% ของ Wave แรก ส่วนผู้เสียชีวิตราวๆ 10% ของ Wave แรก แต่ประเทศเขาอายุเฉลี่ยต่ำ เป็นคนหนุ่มสาวมาก
  • ถ้าเกิด OMC Wave ย่อยที่ 3 ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตก็จะลดลงไปอีก
  • ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 50% ของประชากร จะได้รับผลกระทบจาก Wave ย่อยล่าสุดน้อยมาก เช่น อินเดีย เนเธอรแลนด์ โปรตุเกส 
  • ประเทศที่เพิ่งติดเชื้อไป 10-20% Wave ย่อยจะใหญ่หน่อย เช่นสิงคโปร์ แต่ก็เล็กกว่า Wave แรกมากอยู่ดี
  • วัคซีนต่อให้ฉีดระดับสูงมาก ก็จะยังเกิด Wave ย่อย แต่ขนาด Wave จะเล็กลง และคนจะตายน้อย
  • ถ้าจะจบสงครามกับ Omicron วัคซีนอย่างเดียวไม่พอ ติดเชื้อสะสมมากๆก็ไม่พอ  ต้องมีทั้ง 2 อย่างร่วมกัน 
  • จุดสิ้นสุดที่น่าจับตาคือ ระดับวัคซีน >80% และติดเชื้อสะสม >70% 

 

วิธีจบสงครามโอมิครอนต้องทำอย่างไร

 

แนวโน้มประเทศไทย:

 

  • ตลอด 5 Wave ที่ผ่านมา ขนาดเวฟใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คือ 1 < 2 < 3 < 4 <5 
  • นี่จะเป็น Wave แรกที่มีขนาดเล็กกว่า Wave ก่อนหน้า 
  • เรายังไม่แน่ชัดว่าจะเรียกว่าเป็น Wave ที่ 6 หรือว่า 5.2 ขึ้นอยู่กับขนาดของเวฟจากนี้ไป
  • โอกาสที่ผู้เสียชีวิตต่อวันจะข้าม 50 เป็นไปได้น้อยมาก 
  • ผู้ติดเชื้อต่อวันมีโอกาสสูงสุดที่ 50% ของ OMC Wave แรก คือ 0.5 x 180,000 = 90,000 คนต่อวัน แต่รายงาน PCR น่าจะราวๆไม่เกิน 5,000 ถ้ารวม ATK+ ด้วยไม่น่าเกิน 10,000 
  • ถ้าทุกคนไปฉีดวัคซีนและ Booster ครบ 100% จะมีผู้เสียชีวิตต่อวันไม่ถึง 10 คน แต่ฉากทัศน์นี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะคน Anti Vaccine และ Anti Booster เยอะมากๆๆๆตอนนี้ ก็คงต้องตัวใครตัวมันแล้วครับ 
  • Wave นี้เลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นสำหรับประเทศไทยเพื่อเดินสู่จุดจบของสงคราม ประเทศไทยต้องมีคนติดเชื้อไปถึง 70% หรือ 50 ล้านคน เพื่อยุติสงครามนี้ 
  • ตอนนี้ติดเชื้อจริงน่าจะเกือบๆ 50% แล้ว ถ้าไม่เชื่อลองถามคนรอบๆข้างดู 
  • ตอนนี้เราแทบหา"บ้าน"ที่ไม่เคยมีใครติดเชื้อเลย แทบไม่เจอแล้ว 

 

เป้าหมายและผู้คนที่ต้องปกป้อง: 

 

  • Vaccine Coverage > 80% และผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 70% อย่างแรกเราได้แล้วโดยประมาณและจะไม่ดีขึ้นกว่านี้อีกแล้ว ไปไม่ถึง 100% แน่นอน ส่วนอย่างที่ 2 จะบรรลุด้วย OMC Wave ย่อยนี้ ถ้ายังไม่ได้เดี๋ยวย่อยที่ 3 ก็จะมากวาดอีกรอบ
  • โรงพยาบาลต้องได้รับการปกป้องสำหรับผู้ป่วยทุกกลุ่ม บุคคลากรทางการแพทย์หนักแน่นอน ซึ่งจะหนักสลับกันไปเป็นพื้นที่ๆต้องช่วยกันสนับสนุนและส่งกำลังใจกันต่อเนื่องอีกสักพักใหญ่
  • เด็กเล็กต่ำกว่า 5 ขวบที่รอวัคซีนและกลุ่มเสี่ยง 608 ต้องกันเอาไว้ให้อยู่ในกลุ่ม 30% สุดท้ายที่รอดจากการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด 

 

 

ถ้าเราอยากจะจบสงครามกับ OMC มีวิธีนี้วิธีเดียว จริงๆเราเคยมีทางเลือก Zero Covid ด้วย แต่ทุกประเทศบนโลกปฏิเสธยกเว้นจีน เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะมาทางนี้ก็ต้องยอมรับผลของมันและช่วยกันประคองกันไปให้จบทางนี้  จริงๆทางนี้ในทางสุขภาพก็ไม่ได้แย่จนเกินไป ถ้าคนไปฉีดวัคซีนกันมาก สถานการณ์จะดีกว่านี้เยอะมาก

 

แต่ก็เป็นกันทั่วโลกเรื่อง AntiVac เราจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นใดนอกจากเดินหน้าฝ่าพายุไป ให้ OMC กวาดไปในประชากรให้ถึง 70% ซึ่งใครที่มั่นใจใช้ชีวิตเต็มที่ก็จะไปอยู่ใน 70% นั้น ส่วนใครที่ไม่มั่นใจก็หลบภัย แล้วเป็นผู้เหลือรอด 30% แล้วค่อยออกมาใช้ชีวิตในช่วงที่ความเสี่ยงจะลดลงต่ำกว่านี้มาก 

 

แม้ว่าจะยังคงเหลืออยู่ตลอดไปก็ตาม ซึ่งคนที่เหลือรอด ไม่ใช่ว่าจะไม่ติด Covid เลยในชีวิตนี้ แตสิ่งที่เราคาดหวังได้ก็คือความเสี่ยงในการติด Covid ระดับทุกๆ 5-10 ปี ติดแค่ 1 ครั้ง ซึ่งจะต่างจากตอนนี้ที่ในช่วงเวลาแค่ปีเดียวติดกัน 1-2 ครั้ง

 

แล้วคุณล่ะ จะอยู่ใน 70% หรือจะอยู่ใน 30% แต่คิดว่าคนจำนวนมากที่อ่านนี้น่าจะได้เข้าไปอยู่ใน 70% เรียบร้อยแล้วแน่ๆ