อาการโควิดล่าสุด สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ยังมีหลายคนสงสัย เพราะสถานการณ์โควิดยังคงต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะการเฝ้าระวังโควิดสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 กรมการแพทย์ระบุว่าจากการตรวจสายพันธุ์เบื้องต้นช่วงวันที่ 25 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2565 พบว่าในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์โอมิครอน 100% จำนวนนี้เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ครึ่งหนึ่ง คือ 51% เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่พบประมาณ 6.7% และ 44.3%
คาดว่าอีกไม่นานจะแทนที่ตัวเก่า BA.2 ซึ่งขณะนี้พบ 47.15% ส่วนผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เริ่มกลับมาพบมากขึ้นนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากเชื้อ BA.4 และ BA.5 ทำให้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งยังต้องรอการพิสูจน์ เนื่องจากตามปกติเมื่อมีการติดเชื้อมากขึ้น สัดส่วนของผู้ป่วยอาการหนักก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
จากการเก็บข้อมูลตัวอย่างกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่เพื่อสำรวจภาพรวมของประเทศ จำนวน 175 ราย พบเป็น BA.4 และ BA.5 ประมาณ 35.8% โดยในกลุ่มนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีความรุนแรงจาก BA.4 และ BA.5 เมื่อเทียบกับ BA.2 เดิม เพียงแต่กลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรงยังมีตัวอย่างน้อย (พบเพียง 11 ราย)
จึงขอความร่วมมือโรงพยาบาลส่งตรวจในกลุ่มคนไข้อาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจมากขึ้น ก็จะทำให้ตัวเลขทางสถิติแม่นยำมากขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตยังไม่พบในกลุ่มผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แต่ยังพบในกลุ่มสายพันธุ์ BA.2
ก่อนหน้านี้ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "โควิดสายพันธุ์ใหม่" BA.4 BA.5 เผยอาการของผู้ป่วย จากข้อมูลของหน่วยงานสาธารณสุขของฝรั่งเศส โดยเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยจำนวนใกล้เคียงกันคือประมาณ 280 - 290 คน
โดยรวมแล้วอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ BA.4 / BA.5 ชัดกว่าผู้ป่วยที่ติดโอมิครอนรุ่นแรก ในทุกอาการที่รายงาน สังเกตจากกราฟสีเขียวสูงกว่าสีชมพูทั้งหมด
อาการที่พบมากกว่า 50% ของผู้ป่วย
กลุ่มอาการทางเดินหายใจ
กลุ่มอาการทางเดินอาหาร