เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 15 และ 29 กรกฎาคม 2565 เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ส่งผลให้ช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-17 กรกฎาคม 2565 และวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 28-31 กรกฎาคม 2565
ทั้งนี้ บขส. คาดการณ์ว่า ในช่วงวันหยุดดังกล่าวจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดและเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงได้มีการเตรียมความพร้อม จัดรถโดยสารของ บขส. และรถร่วมบริการฯ ไว้ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาว หรือตั้งแต่วันที่ 13-17 กรกฎาคม 2565 คาดว่าจะใช้รถโดยสาร ได้แก่ รถ บขส. รถร่วม และรถตู้ ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ รวม 3,000 เที่ยว และคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 55,000-60,000 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 20-30% จากช่วงก่อนวันหยุดยาว (ต้นเดือนกรกฎาคม 2565) ที่มีผู้ใช้บริการประมาณ 40,000 คนต่อวัน
นายสัญลักข์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากปัจจุบันมียอดจองตั๋วโดยสารเต็มทุกที่นั่งแล้ว ทาง บขส.จึงได้เตรียมรถเสริมไว้ให้บริการ จำนวน 200 คัน ทั้งนี้ สาเหตุที่มียอดจองตั๋วโดยสารเพิ่มขึ้นเนื่องจาก บขส.มีการเปิดจองตั๋วผ่านระบบออนไลน์ และจากการสำรวจพบว่าเส้นทางที่มีผู้โดยสารจองตั๋วมากที่สุด คือ เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ขอนแก่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ และนครพนม อีกทั้งคาดว่าในช่วงค่ำของวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ จะมีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มากสุด หรือไม่ต่ำกว่า 30,000 คน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนหันมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ประกอบกับ บขส. ยังไม่ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารตามมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่ให้ขึ้นค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5 สตางค์ ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดย บขส. จะตรึงราคาค่าโดยสารในอัตราเดิมไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน