โอมิครอน BA.5 ระบาดแน่ในไทย เพราะอะไร ผู้ติดเชื้อจะมากแค่ไหน เช็คเลย

14 ก.ค. 2565 | 09:15 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2565 | 16:15 น.

โอมิครอน BA.5 ระบาดแน่ในไทย เพราะอะไร ผู้ติดเชื้อจะมากแค่ไหน เช็คเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยชี้ทำให้เกิดการติดเชื้อได้สูงที่สุดในบรรดาไวรัสก่อโรคโควิดด้วยกัน 

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

ไทยคงไม่สามารถเลี่ยงโควิดละลอกใหม่จาก BA.5 ได้แล้ว แต่สามารถช่วยกันทำให้ระลอกนี้เล็กกว่าระลอกเดิมได้

 

เป็นที่ทราบตรงกันทั่วโลกแล้วว่า ไวรัสสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน เป็นสายพันธุ์ย่อยที่ 5 ที่เรียกว่า BA.5 

 

ซึ่งทยอยเข้ามาทดแทน BA.2 ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์ย่อยหลักเดิม รวมทั้งในประเทศไทยเราด้วย

 

มีรายงานจากโปรเฟสเซอร์ของมหาวิทยาลัยออสเตรเลียใต้ ( Prof. A.Esterman : U.of South Australia ) ที่เผยแพร่ใน Conversation
พบว่า ไวรัส BA.5 มีความสามารถในการแพร่ให้เกิดการติดเชื้อได้สูงที่สุดในบรรดาไวรัสก่อโรคโควิดด้วยกัน 

 

ด้วยค่า R0 ( Basic Reproduction Number ) = 18.6

โดยเรียงลำดับความสามารถในการแพร่ระบาด เมื่อใช้ค่า R0 มีดังนี้

 

1.ไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น 3.3 

 

2.ไวรัสเดลตา 5.1

 

3.ไวรัสโอมิครอน 9.5 

  • สายพันธุ์ย่อย BA.2 : 13.3  
  • สายพันธุ์ย่อย BA.5 : 18.6

 

จึงมีการสรุปในเบื้องต้นว่า BA.5 มีความสามารถในการแพร่ระบาดสูงสุดในประวัติศาสตร์ และเทียบเท่ากับไวรัสก่อโรคหัดซึ่งสูงสุดเช่นกัน

 

จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลกันมากว่า ประเทศไทยจะประสบปัญหาการระบาดโควิดครั้งใหญ่

 

โอมิครอน BA.5 ระบาดแน่ในไทย เพราะอะไร

 

ถ้าใช้เฉพาะข้อมูลค่า R0 อย่างเดียว ก็แปลว่าเราจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่าสมัยเดลตากว่า 3 เท่า 

 

และสูงกว่าโอมิครอนที่ผ่านมาถึง 2 เท่า ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก

แต่ความจริงจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เหตุเกิดจาก ค่าตัวเลข R0 เป็นค่าทางสถิติ ที่ใช้บอกความสามารถของไวรัส ที่เมื่อติดเชื้อหนึ่งคนแล้ว 

 

จะแพร่ไปให้คนอื่นที่ไม่มีภูมิต้านทานได้กี่คน ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อมาก่อนแล้วหายดี หรือได้รับการฉีดวัคซีนก็ตาม

 

แต่ขณะนี้ โลกมนุษย์เรามีคนติดเชื้อที่รายงานแล้วกว่า 500 ล้านคน 
คาดว่าติดเชื้อจริงน่าจะเกิน 2000 ล้านคน รวมทั้งมีผู้ฉีดวัคซีนหลายพันล้านคน

 

จึงทำให้ค่า R0 ดังกล่าว จะไม่เป็นไปตามสัดส่วนของตัวเลขที่คำนวณได้
เพียงแต่ค่า R0 ของไวรัสตัวใหม่ที่ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น จะเป็นตัวบอกว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะแซงสายพันธุ์เก่าที่มี R0 ต่ำกว่า ขึ้นมาเป็นสายพันธุ์หลักสำเร็จ

 

แต่จำนวนผู้ติดเชื้อ อาจจะไม่ได้เพิ่มเป็นเท่าตัว เพราะในปัจจุบันมีพลเมืองที่มีภูมิคุ้มกันสูงกว่าในสมัยที่ไวรัสสายพันธุ์เดิมระบาดอยู่

 

สรุปได้ว่า

 

  • ไวรัส BA.4/BA.5 มีความสามารถในการแพร่เร็วกว่า BA.2 ประมาณ 40% คือ 18.6 เทียบกับ 13.3
  • ค่า R0 ของ BA.4/BA.5 สูงสุดในบรรดาไวรัสทุกสายพันธุ์ของโควิด
  • ด้วยความสามารถในการแพร่ระบาดที่เร็วขึ้นดังกล่าว จะทำให้ BA. 4/BA.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลกและของประเทศไทย
  • ประเทศไทยจึงเลี่ยงการมีโควิดระลอกใหม่ไม่ได้ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในระลอกใหม่อาจจะไม่ได้มากกว่าระลอก Omicron เมื่อต้นปี หรือของระลอก Delta ปีที่แล้ว ทั้งที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดมากกว่า  เพราะพลเมืองมีภูมิคุ้มกันมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
  • ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากาก รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดกิจกรรมเสี่ยง ลดไปสถานที่เสี่ยง

 

เพื่อช่วยกันทำให้ระลอกใหม่ของ BA.4/BA.5 ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนนั้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่น้อยกว่าระลอกเดิม