รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล (หมอนิธิพัฒน์) หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (นิธิพัฒน์ เจียรกุล) โดยมีข้อความระบุว่า
วันที่สี่หลังช่วงหยุดยาวครั้งที่หนึ่งของเดือน ตัวเลขของประเทศวันนี้ยังทรงตัว แต่สถานการณ์ที่บ้านริมน้ำวันนี้แนวโน้มดีขึ้น
การตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งในบุคลากรเองและประชาชนภายนอกเริ่มลดลงต่อเนื่อง
ที่น่าดีใจกว่าคือ ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วรอการหมุนเวียนเตียง ลดลงจากจุดสูงสุดมากว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
ทำเอาทุกฝ่ายโล่งอก เพราะไม่ต้องไปขยายศักยภาพเตียงโควิด โดยลดเตียงผู้ป่วยทั่วไปเหมือนที่เคยทำมาในอดีต
สำหรับผู้ป่วยที่รอเตียงส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ป่วยล้างไตต่อเนื่องแต่ติดเชื้อเสียก่อน
หรือไม่ก็เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ญาติไม่สามารถดูแลที่บ้านได้
เมื่อวานกล่าวถึงความรุนแรงของโอมิครอนที่รวม BA.5 ด้วย ว่าลดลงไปกว่าช่วงเดลตาราว 15 เท่า
ทั้งนี้น่าจะเป็นผลจากการปกป้องด้วยวัคซีนโควิด
วันนี้ลองมาดูอาวุธที่เรามีไว้ใช้รับมือ กรณีที่พลาดพลั้งติดเชื้อขึ้นมาหลังจากป้องกันและระวังเต็มที่ (อย่าไปเชื่อใครให้ท้ายถอดหน้ากากในที่สาธารณะ) จะมีตัวช่วยป้องกันไม่ให้โรครุนแรงได้มากแค่ไหน
ทีมนักวิจัยจากญี่ปุ่นได้ทดลองยากับเชื้อ BA.5 ในห้องทดลอง
แต่ต้องระวังว่าผลในห้องทดลองอาจไม่ไปด้วยกันดีกับการใช้รักษาผู้ป่วยจริง
เริ่มจากแอนติบอดี้ผสมที่บ้านเรากำลังจะมีใช้ปลายเดือนนี้แล้ว คือ Evusheld (tixagevimab/cilgavimab) เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียวอยู่นานไป 6 เดือน
จะใช้สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ล้างไตต่อเนื่องและผู้ป่วยเปลี่ยนอวัยวะ เนื่องจากกลุ่มนี้ภูมิขึ้นไม่ดีหลังฉีดวัคซีนตามปกติ
จึงต้องมีการเสริมภูมิทางอ้อม ผลต่อ BA.5 ของยานี้ลดลงราว 30 เท่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ต้นกำเนิดที่ใช้เป็นตัวเปรียบเทียบในการทดลองนี้
แม้ผลจะลดลงแต่ก็ยังดีกว่ายาในกลุ่มเดียวกันอีกหลายชนิด และคงช่วยบรรเทาความรุนแรงได้ในกลุ่มเปราะบางมาก
ลองมาดูยาที่ใช้รักษาเมื่อมีการติดเชื้อแล้ว ไล่เรียงไปจาก Molnupiravir, Paxlovid, และ Remdesivir ตามลำดับ
พบว่ายาทั้งสามชนิดมีประสิทธิภาพลดลง 1.5, 1.6, และ 1.2 เท่าตามลำดับ
ดังนั้นยังมั่นใจได้ว่าหากป่วยจากสายพันธุ์ย่อย BA.5 ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ตอนนี้ ยาที่บ้านเรามียังเอาอยู่
ที่สำคัญต้องเตรียมยาไว้ให้มีเพียงพอใช้ตามราคาคุย และต้องมีการใช้อย่างสมเหตุสมผลในทางวิชาการด้วย
เราไม่อยากให้สังคมเห็นดีเห็นงามกับการไต่เต้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นโดยความสัมพันธ์
แต่เราอยากเห็นการใช้ความสามารถที่ได้จากการฝึกฝนภายใต้การยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และความเชี่ยวชาญในทางวิชาชีพ