น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
น่าคิด !! ฝีดาษลิงอาจมีในประเทศไทยอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะพบเคสแรกที่ภูเก็ต
จากกรณีตรวจพบชายไนจีเรียวัย 27 ปี เป็นฝีดาษลิงที่จังหวัดภูเก็ต ได้มีการตรวจยืนยันการวินิจฉัยโรคโดยห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง
ทั้งของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
วันนี้ (22 ก.ค. 2565) มีการแถลงที่จังหวัดภูเก็ต ถึงความคืบหน้าของผู้ป่วยชายไนจีเรียคนดังกล่าว ที่ได้หลบหนี ไม่ยอมเข้ารับการรักษา จนขณะนี้ยังติดตามตัวไม่พบ
ได้มีการเร่งสอบสวนโรค โดยการที่ได้ส่งตรวจหาเชื้อในผู้สัมผัสเสี่ยง 17 ราย โดย 7 รายแรก ผลเป็นลบ ยังเหลือต้องรอผลอีก 10 ราย
แต่ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ชายไนจีเรียคนดังกล่าว เข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ตุลาคม 2564 และได้มาอยู่ที่ภูเก็ตในเดือนพฤศจิกายน 2564
โดยไม่มีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทย หลังจากพฤศจิกายน 2564
นั่นหมายความว่าชายชาวไนจีเรียคนดังกล่าว เกิดการติดโรคฝีดาษลิงภายในประเทศไทย ไม่ได้เกิดจากการนำเชื้อมาจากประเทศไนจีเรีย
ส่วนจะติดจากคนไทยด้วยกันเอง หรือเพื่อนชาวไนจีเรียที่เดินทางเข้ามาภายหลัง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องสอบสวนกันต่อไป
จึงมีความเป็นไปได้ ที่เชื้อไวรัสก่อโรคฝีดาษลิงอาจจะมีอยู่ในประเทศไทย ก่อนที่จะตรวจพบในเคสแรกที่มีประกาศอย่างเป็นทางการ
อีกประเด็นที่ควรค่าแก่การวิเคราะห์คือ ชายคนดังกล่าวมีประวัติเพศสัมพันธ์กับหญิงหลายคนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงระยะแพร่เชื้อ
จึงทำให้กลุ่มหญิงดังกล่าว ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีผู้ใดบ้าง จะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดฝีดาษลิง
และยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นต่อการควบคุมโรคระบาด ถ้าหญิงกลุ่มดังกล่าวยังคงทำงานต่อเนื่องมาโดยตลอด
และถ้าหญิงกลุ่มดังกล่าว ยังคงทำงานให้บริการต่อไปอีก ก็จะแพร่ไปสู่ลูกค้าเพิ่มวงกว้างมากขึ้น
ซึ่งไม่ทราบว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนมากน้อยเพียงใด
หรือถ้าเหตุการณ์กลับกัน ชายไนจีเรียคนดังกล่าวติดฝีดาษลิงจากหญิงที่ตนเองไปใช้บริการ ก็จะมีผู้ใช้บริการคนอื่นติดฝีดาษลิงไปแล้วได้
หวังว่าทีมสอบสวนโรคของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีความพร้อมและได้ทำงานอย่างเต็มที่ จะได้เร่งดำเนินการสืบหากลุ่มหญิงบริการทั้งหมดดังกล่าว
เพื่อทำความเข้าใจ กักตัวและพร้อมที่จะตรวจรักษาทันทีที่แสดงอาการ
แต่ที่ลำบากกว่านั้นคือ การสืบหากลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ ให้มาทำความเข้าใจ ตรวจรักษา หรือกักตัวต่อไป
มิเช่นนั้นแล้ว แม้ฝีดาษลิงจะแพร่ระบาดได้ยากกว่าโควิดมาก แต่การสัมผัสผ่านการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้การสืบหาตัวยากยิ่งขึ้น เพราะคนที่ไปใช้บริการก็คงไม่ยอมเปิดเผยตัวเองง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ฝีดาษลิงติดต่อกันได้ค่อนข้างลำบาก ไม่ได้ผ่านทางอากาศหรือการหายใจ เหมือนเช่นโควิด-19
ผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวภูเก็ต หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในภูเก็ตอยู่แล้ว จึงมีความเสี่ยงต่ำมาก ที่จะติดฝีดาษลิง ถ้าไม่ได้ไปสัมผัสโดยตรง หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ป่วยเป็นฝีดาษลิง