น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
โควิดไทยเป็นช่วงขาขึ้นอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น 40% จาก 22,542 รายต่อวัน เป็น 31,582 ราย
โควิดระลอกที่ 4 ของไทย ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อมกราคม 2565 โดยมีไวรัสโอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักนั้น
ได้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ย่อยโดยลำดับจาก BA.1 เป็น BA.2 และเป็น BA.5 ตามลำดับ
ทุกครั้งที่ไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ก็จะมีความสามารถในการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ได้ส่งผลถึงสถานการณ์โควิดในปัจจุบันดังนี้
เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์โควิดระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 17-23 กรกฎาคม 2565 เปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนคือ วันที่ 10-16 กรกฎาคม 2565 พบสถิติที่น่าสนใจดังนี้
1.ติดเชื้อแบบ PCR เพิ่ม 17.91%
2.ติดเชื้อแบบ ATK เพิ่ม 42.26%
3.ติดเชื้อรวมเพิ่ม 40.11%
4.รักษาตัวอยู่ลดลง 2.79%
5.ป่วยมีปอดอักเสบ เพิ่ม 6.86%
6.ป่วยหนักมากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพิ่ม 11.07%
7.เสียชีวิตลดลง 17.91%
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตในช่วง 3 วันที่ผ่านมาคือ 23 24 และ 25 กรกฎาคม เริ่มเพิ่มขึ้นเป็น 29 , 30 และ 32 รายต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับความรู้ที่ว่า ผู้เสียชีวิตจะตามหลังผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 สัปดาห์
โดยที่ขณะนี้ ไทยมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 141 ล้านโดส
ซึ่งวัคซีนสำหรับรับมือโอมิครอน ต้องฉีดอย่างน้อย 3 เข็ม ดังนั้นเรายังฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มเพียง 44.1% ยังขาดอยู่อีก 25.9% หรือ 18.4 ล้านโดส จึงจะถึงเกณฑ์ 70%
สำหรับไวรัสนั้น สายพันธุ์ย่อย BA.5 เป็นสายพันธุ์หลัก มีค่าการแพร่ระบาดสูงถึง 18.6 ซึ่งมากกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่นอยู่ 5 เท่า และมากกว่าสายพันธุ์เดลตา 3.6 เท่า
จึงพอสรุปได้ว่า
เราจึงควรมีวินัยในการป้องกันตนเอง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือบ่อยบ่อย ตลอดจนรับวัคซีนเข็ม 3 โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ให้เหมือนกับที่เราเคยทำมาได้เป็นอย่างดี ในช่วงไวรัสเดลต้าระบาดเมื่อปี 2564