อัพเดท “ประตูช้างเผือก เชียงใหม่” ถล่ม สั่งปิดพื้นที่ชั่วคราว

25 ก.ย. 2565 | 04:20 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2565 | 11:29 น.

กำแพงเมืองเก่า ประตูช้างเผือก เชียงใหม่ถล่ม หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำดินทรุด ล่าสุดเจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว สั่งปิดกั้นพื้นที่ชั่วคราว

ช่วงเช้าวันนี้ (25 ก.ย. 2565)  หลังเกิดเหตุประตูช้างเผือก ประตูเมืองโบราณด้านทิศเหนือของเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่  พังถล่มเสียหายเป็นแนวยาวเกือบ 10 เมตร เศษก้อนอิฐแตกกระจัดกระจายทั่วบริเวณ ส่วนป้ายข้อมูลที่อธิบายถึงเรื่องราวประวัติศาตสร์พังลงมาด้วยเช่นกัน

 

ล่าสุดเจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าปิดกั้นพื้นที่และเก็บเศษซากก้อนอิฐเพื่อป้องกันอันตรายกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา

อัพเดท “ประตูช้างเผือก เชียงใหม่” ถล่ม สั่งปิดพื้นที่ชั่วคราว

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุนายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมระบุว่า  จากการสำรวจพบกำแพงเมืองในส่วนประตูเสียหายค่อนข้างมาก สาเหตุมาจากฝนตกหนักทำให้น้ำซึมเข้าไปภายในจนดินอ่อนตัวเกิดพังถล่ม หลังจากนี้จะปิดพื้นที่ไปก่อนระหว่างเข้าตรวจสอบและบูรณะ

อัพเดท “ประตูช้างเผือก เชียงใหม่” ถล่ม สั่งปิดพื้นที่ชั่วคราว

ด้านนายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ กล่าวว่า กำแพงเมืองชั้นในของเชียงใหม่ โดยเฉพาะประตูเมืองแต่ละจุดที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานก่อสร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ.2500 ลักษณะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประตูช้างเผือกมาจากฝนที่ตกหนักสะสม น้ำซึมเข้าแกนในของกำแพง

อัพเดท “ประตูช้างเผือก เชียงใหม่” ถล่ม สั่งปิดพื้นที่ชั่วคราว

ประกอบกับโครงสร้างภายในเป็นการก่ออิฐครอบแนวกำแพงเดิม ไม่มีโครงสร้างการรับน้ำหนักด้วยการโยงยึด เมื่อน้ำอิ่มตัวภายในจึงเกิดแรงดันด้านข้างทำให้กำแพงถล่มลงมา โดยประตูเชียงใหม่มีการบูรณะด้วยการก่ออิฐหุ้มเปลือกด้านนอกเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน หลังจากนั้นมาไม่เคยมีการซ่อมบำรุง จนมาเกิดเหตุครั้งนี้

 

สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยรวมจะไม่มากเพราะเป็นเปลือกใหม่ด้านนอก แต่ก็ถือเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญ หลังจากนี้สำนักศิลปากรที่ 7 จะเข้ามาทำค้ำยันผนังก่อนจะวางแผนบูรณะตามลำดับ

 

ขอบคุณ : https://www.chiangmainews.co.th/