นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วย รองนากยกเทศมนตรี และเจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ร่วมกันตรวจสอบกำแพงเมืองเชียงใหม่ช่วงที่ติดประตูเชียงใหม่ด้านทิศเหนือที่เกิดพังทลายลงมาดังกล่าว
นายอัศนี กล่าวว่า เหตุการณ์กำแพงเมืองพังทลายเกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. ของเช้าวันนี้ เกิดหลังจากเขตตัวเมืองเชียงใหม่ มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ทำให้กำแพงเมืองเกิดการชุ่มน้ำและเกิดพังทลายขึ้น
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมากำแพงเมืองเชียงใหม่ บริเวณประตูช้างเผือก ด้านนอกที่ก่อจากอิฐได้เกิดการทรุดตัวและพังทลายลงมาเป็นทางยาวประมาณ 10 กว่าเมตร เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผลจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ดินที่เป็นแนวกำแพงอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวและพังทลายลงมา ซึ่งทางหน่วนงานที่เกี่ยวข้องกำลังเข้าตรวจสอบ และดำเนินการต่อไป
สำหรับประตูช้างเผือกเป็น 1 ใน 5 ประตูเมืองเชียงใหม่ตามชัยภูมิเดิม ซึ่งมีอายุกว่า 700 ปี สร้างพร้อมกับเมืองเชียงใหม่ ถือเป็นประตูชัย ประตูเดชเมืองเชียงใหม่ เดิมมีชื่อว่า ประตูหัวเวียง เป็นประตูชั้นในด้านทิศเหนือ สมัยก่อนเป็นประตูเอกของเมือง ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กษัตริย์จะเสด็จฯ เข้าเมืองยังประตูนี้
ทั้งนี้ประตูนี้เปลี่ยนชื่อในรัชสมัยของพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่พระองค์ที่ 1 ประมาณปี พ.ศ. 2344 เนื่องจากได้โปรดให้สร้างอนุสาวรีย์รูปช้างเผือกขึ้น และสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งระหว่าง พ.ศ. 2503-2512 ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร และมีการบูรณะปรับปรุงครั้งใหญ่ล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2552