หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว หลายคนอาจยังคงรู้สึกว่าพื้นดินสั่นสะเทือน หรือมีอาการเวียนศีรษะ โคลงเคลง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่เรียกว่า "Earthquake Sickness" หรือ "ภาวะป่วยจากแผ่นดินไหว" ที่ส่งผลต่อระบบประสาทและสุขภาพจิตของผู้ประสบเหตุ
Earthquake Sickness เป็นภาวะที่ผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวหรือสั่นสะเทือนของพื้นดินอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะสิ้นสุดลงแล้ว อาการที่พบบ่อย ได้แก่
• รู้สึกว่าพื้นดินยังคงสั่นไหวหรือเคลื่อนไหว
• เวียนศีรษะ โคลงเคลง หรือเสียการทรงตัว
• คลื่นไส้ อาเจียน
• วิตกกังวล หรือตื่นตระหนก
อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปเอง แต่ในบางกรณีอาจยาวนานขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
สาเหตุหลักของอาการเวียนศีรษะหลังแผ่นดินไหวเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งควบคุมสมดุลของร่างกาย เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ระบบนี้อาจได้รับผลกระทบ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะหรือโคลงเคลงได้
นอกจากนี้ ยังมีภาวะอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น:
• โรคหินปูนหูชั้นในเคลื่อน (BPPV)
เกิดจากหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่า
• โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s Disease)
ความผิดปกติของหูชั้นในที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน หูอื้อ และการได้ยินลดลง
• โรคเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ (Vestibular Neuritis)
การอักเสบของเส้นประสาทที่ควบคุมการทรงตัว ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะรุนแรง
หากคุณมีอาการเวียนศีรษะหรือโคลงเคลงหลังจากแผ่นดินไหว ควรปฏิบัติดังนี้:
• พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับและพักผ่อนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น
• หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะอย่างรวดเร็ว: การเคลื่อนไหวช้า ๆ และระมัดระวังจะช่วยลดอาการเวียนศีรษะ
• นั่งหรือนอนพักเมื่อรู้สึกเวียนศีรษะ: หากรู้สึกโคลงเคลง ควรหยุดกิจกรรมและพักจนกว่าอาการจะดีขึ้น
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การรักษาระดับน้ำในร่างกายจะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
Earthquake Sickness เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นหลังจากประสบเหตุแผ่นดินไหว ทำให้ผู้ประสบเหตุรู้สึกเวียนศีรษะ โคลงเคลง หรือเสียการทรงตัว แม้ว่าอาการเหล่านี้มักจะหายไปเอง แต่การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมและการปรึกษาแพทย์เมื่อจำเป็นจะช่วยให้กลับมามีสุขภาพที่ดีและใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง