ความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก
สมาคมค้าทองคำรายงานว่า ราคาทองเปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 51,250 ขายออกบาททองคำละ 51,350 ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาททองคำละ 50,331.20 ขายออกทองคำละ 52,150 โดยราคาขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ (11 เม.ย.) อีกบาททองคำละ 150
อย่างก็ตาม ณ เวลา 11.02 น. สมาคมค้าทองคำประกาศปรับราคาทองคำครั้งที่ 4 โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อปรับลดลงมาอยู่ที่ 51,100 บาทต่อบาททองคำ ขายออก 51,200 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อ 50,179 บาท ขายออก 52,00 บาทต่อบาททองคำ
บทวเคราะห์ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ราคาทองในตลาดโลกปิดทะยานอีก 61.31 ดอลลาร์ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93% โดยทำ New All Time High ใหม่ที่ที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า
หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ด้าน Goldman Sachs ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสู่ระดับ 3,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 12% จากเป้าหมายเดิมที่ระดับ 3,300 ดอลลาร์/ออนซ์
UBS ระบุว่า ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า และราคาจะทรงตัวในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต โดยราคาเป้าหมายปัจจุบันอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อทองคำในหมู่วาณิชธนกิจระดับโล