"แบลคมอร์ส"เผยกลุยุทธ์รุกตลาดเสริมอาหารในไทย ตั้งเป้าปี 68 ดันธุรกิจโต 15%
“แบลคมอร์ส” ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 30 ปี เผยมาร์เก็ตแชร์รวม 20% จากมูลค่าตลาดรวมในประเทศไทยกว่า 8,000 ล้านบาท พร้อมเผย 3 กลุยุทธ์ตั้งเป้าการเติบโต 15% ในปี 2568
"ปรีติ ฮาไล" ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แบลคมอร์ส จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมอาหารถือว่าได้รับความนิยมสูงมาก 8 ใน 10 ครัวเรือนจะมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารติดบ้าน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับภูมิคุ้มคุ้มกันร่างกาย และ “แบลคมอร์ส” ก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากประเทศออสเตรเลีย ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์สุขภาพของคนไทยมาอย่างยาวนาน มีมาร์เก็ตแชร์รวม 20% จากมูลค่าตลาดรวมในประเทศไทยกว่า 8,000 ล้านบาท ขณะที่มาร์เก็ตแชร์ของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันสูงถึง 50%
ในปี 2568 แบลคมอร์ส ตั้งเป้าการเติบโตไว้ 15% จากกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุวัย ด้วย 3 กลยุทธ์ คือ 1.ให้องค์ความรู้กับผู้บริโภค 2.ขยายตลาดในช่องทางออนไลน์ จากตอนนี้อยู่ที่ 8% และจะเพิ่มให้เป็น 16% ภายใน 3 ปี และ 3.ขยายการจัดจำหน่ายไปยังร้านสะดวกซื้อให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการเสริมสร้างความงาม ส่งเสริมสุขภาพประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน นักเรียนนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งความนิยมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม เช่น ผู้หญิงวัยปะมาณ 30 ปี จะนิยมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เกี่ยวกับความสวยงาม เป็นต้น
"ปรีติ" กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย แบลคมอร์สเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในปี 1995 ตลอดเวลา 30 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แบลคมอร์ส อยู่ในฐานะแบรนด์อันดับ 1 ของประเทศออสเตรเลีย และได้เติบโตจนกลายเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกาย โดยครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์วิตามินและอาหารเสริมในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านการพัฒนาและการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการที่ให้แนวทางที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นในการดูแลสุขภาพ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านวิตามิน แร่ธาตุ สมุนไพร และสารอาหาร การันตีด้วยการได้รับรางวัล Thailand Superbrands Award ติดต่อกัน 14 ปี (ค.ศ. 2011-2024) เป็นแบรนด์วิตามินและอาหารเสริมที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคในประเทศไทย
"ในฐานะผู้นำธุรกิจวิตามินและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ บริษัทไม่เคยหยุดที่จะพัฒนา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยให้คำมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ บนพื้นฐานอ้างอิงจากข้อมูลและการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานรับรองแก่ผู้บริโภคอย่างมั่นใจ ซึ่งในกระบวนการการผลิตมีการคัดเลือกวัตถุดิบจากผู้จัดหาที่มีคุณภาพสูง และคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบได้จริง รวมถึงการผลิตตามข้อกำหนดและมาตรฐานสากล"
"Alastair Symington" Chief Executive Officer แบลคมอร์ส กรุ๊ป กล่าวว่า ตอนนี้แบลคมอร์ส ประเทศไทย มีสัดส่วนการขายออนไลน์ 8% ออฟไลน์ 92% แบ่งอยู่ในร้านBoots, Watsons ประมาณ 48% ที่เหลือขายอยู่ในยาทั่วไป ซึ่งประเทศไทยยังเป็นตลาดสำคัญของแบลคมอร์สที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาเสริมการตลาดและขายในร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น จะเป็นกลุ่มที่ช่วยในเรื่องการนอนหลับ ลดความเครียด เป็นไซส์ที่เล็กลง สะดวกในการพกพา และมีราคาย่อมเยา
"ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับภูมิต้านทานถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ถัดมาคือเรื่องความสวยความงามที่กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรง และเสริมการบำรุงผิว โดยตลาดรวมในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 3-5% ต่อปี"
ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบลคมอร์สในปีนี้จะมี 3 ตัว ได้แก่ 1. “แบลคมอร์ส ไบโอ ซี 1000 มก. เดลี ไอมู พลัส และ 2. ไบโอ ซี 500 มก. เดลี ไอมู พลัส เม็ดเคี้ยว (Blackmores Bio C 1000 mg Daily Imu+ and Bio C 500 mg Daily Imu+ Chewable) เป็นทางเลือกสำหรับคนรักวิตามินซี และยังมี 3. แพลนท์เบส โอเมก้า-3” (Plant-based Omega-3) ตอบสนองความต้องการของกลุ่มมังสวิรัติ (Vegan) และผู้ที่แพ้อาหารทะเล หรือผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์แพลนท์เบส