วิธีแก้ "ปวดขา" กล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน หลังวิ่งหนีแผ่นดินไหว

01 เม.ย. 2568 | 10:03 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2568 | 10:59 น.

เผยวิธีรักษาอาการบาดเจ็บ ปวดขา-ต้นขา กล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน หลังจากวิ่งช่วงเกิดแผ่นดินไหว ทำได้ด้วยตัวเอง ก่อนอาการรุนแรงเรื้อรัง จนต้องปรึกษาแพทย์

นายแพทย์ เกรียงศักดิ์ เล็กเครือสุวรรณ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านคลินิกระงับปวด และผ่าตัด ข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อไหล่ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC) กล่าวว่า หลายคนอาจจะเริ่มมีอาการปวดขา ไม่ว่าจะเป็นต้นขาหรือบริเวณขาด้านล่าง หลังจากเกิดอุบัติเหตุแผ่นดินไหวแล้วเดินลงบันไดหนีไฟ หรือวิ่งออกจากสถานที่หรือตึกต่างๆ 

อาการเหล่านี้เรียกว่า “โรคกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน” เป็นปัญหาที่เกิดจากการใช้กล้ามขาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ส่งผลให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บเล็กๆ หลายจุด ในบริเวณมัดกล้ามเนื้อเดียวกัน หรือต่างมัดกล้ามเนื้อกัน 

วิธีแก้ \"ปวดขา\" กล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน หลังวิ่งหนีแผ่นดินไหว

แม้จะโรคนี้จะไม่ใช่อาการร้ายแรง แต่หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการเรื้อรังได้ หรือในบางบางคนที่มีอาการรุนแรง  อาจทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงหรือกล้ามเนื้อตายได้เช่นกัน โดยวิธีดูแลรักษากล้ามเนื้ออักเสบเบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. พักการใช้งานกล้ามเนื้อ

หลีกเลี่ยงการวิ่งหรือเดินเป็นระยะทางไกลๆ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่กระทบกระเทือนบริเวณที่อักเสบ หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีลักษณะวิ่งออกตัวอย่างรวดเร็วหรือต้องเบรคอย่างรวดเร็วเช่น แบดมินตัน, เทนนิส, บาสเกตบอล, วิ่ง, ปั่นจักรยาน เป็นต้น

2. ประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก

การใช้ถุงน้ำแข็งหรือเจลเย็นประคบในบริเวณที่อักเสบเป็นเวลา 15-20 นาทีทุก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการปวดและบวมได้ อย่าประคบเย็นนานเกินไปหรือวางน้ำแข็งลงบนผิวโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเย็นกัดผิวหนังครับ

3. ประคบร้อนหลังจาก 48 ชั่วโมง

เมื่ออาการบวมลดลง สามารถใช้การประคบร้อน เช่น ถุงประคบร้อนหรือแผ่นร้อน เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ และช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น

วิธีแก้ \"ปวดขา\" กล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน หลังวิ่งหนีแผ่นดินไหว

4. ยืดเหยียดและออกกำลังกายเบา ๆ

หลังจากอาการปวดเริ่มบรรเทา ควรยืดกล้ามเนื้ออย่างอ่อนโยนเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ตามปกติ การเคลื่อนไหวเบา ๆ เช่น การเดิน หรือการทำโยคะเบา ๆ สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้

5. ใช้ยาทา หรือยาบรรเทาปวด

สามารถใช้ยาทา เช่น ยานวดที่มีส่วนผสมของตัวยาแก้อักเสบ หรือบาล์มเพื่อช่วยลดอาการปวดและตึงกล้ามเนื้อ หากปวดมาก สามารถใช้ยาแก้ปวดเช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ปรึกษาแพทย์

6. การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

หลังจากอาการอักเสบลดลง การนวดเบา ๆ อาจช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ และช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการนวดแรงเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่อาการยังรุนแรง ให้หลีกเลี่ยงการนวดโดยผู้ไม่ชำนาญการเพราะอาจจะทำให้กล้ามเนื้อมีการบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้น

สัญญาณที่ควรพบแพทย์

แม้ว่ากล้ามเนื้ออักเสบส่วนใหญ่จะสามารถรักษาเองได้ แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ครับ

  1. อาการปวดรุนแรงขึ้นแม้จะได้พักและรักษาเบื้องต้น
  2. มีอาการบวมมากผิดปกติหรือมีรอยช้ำที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
  3. มีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย
  4. ไม่สามารถขยับส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บได้ตามปกติ
  5. กล้ามเนื้ออักเสบเป็นเวลานานเกิน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ดีขึ้น

สำหรับกล้ามเนื้ออักเสบเป็นภาวะที่สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเองโดยใช้หลักการ พัก ประคบเย็น-ร้อน ยืดเหยียด และใช้ยาเมื่อจำเป็น หากดูแลถูกต้อง อาการมักจะดีขึ้นภายในไม่กี่วันถึงสัปดาห์ แต่หากอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ หรือได้รับการรักษาจากนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม