วันอนามัยโลก 2568 ก้าวสู่นวัตกรรม AI ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพแม่และเด็ก
ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตของมารดาและทารก ผ่านนวัตกรรม AI ด้านสูตินรีเวช เนื่องในวันอนามัยโลก 2025 ด้วยแคมเปญ “เริ่มต้นชีวิตด้วยสุขภาพที่ดี สู่อนาคตที่สดใสในวันหน้า”
วันอนามัยโลก (World Health Day) ตรงกับวันที่ 7 เมษายนของทุกปี เป็นวันที่ประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลก จะใช้เป็นโอกาสรณรงค์ให้ประชาชนและทุกภาคส่วนของสังคม ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ โดยแคมเปญหลักใน ปี 2568 คือ “เริ่มต้นชีวิตด้วยสุขภาพที่ดี สู่อนาคตที่สดใสในวันหน้า (Healthy Beginnings, Hopeful Futures)”เพื่อผลักดันให้ทั้งภาครัฐและองค์กรด้านสาธารณสุข ร่วมรณรงค์เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยง ในการเสียชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิด และเล็งเห็นถึงความสำคัญด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสตรีในระยะยาว
ทั้งนี้ ในวันอนามัยโลก ฟิลิปส์ ได้ร่วมรณรงค์การดูแลสุขภาพของมารดาและทารก ด้วยการพัฒนาโซลูชันอัลตร้าซาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มากขึ้น เพื่อส่งเสริมอนาคตด้านการดูแลสุขภาพที่ดีสำหรับมารดาและทารกทั่วโลก
โดยในปี 2566 รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก ได้รับทุนสนับสนุนเป็นครั้งที่สองจากมูลนิธิเกตส์ (Gates Foundation) เป็นมูลนิธิเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดตั้งโดยบิล เกตส์ และเมลินดา เกตส์ เพื่อเร่งขยายการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านสูตินรีวช ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ผ่านการใช้เครื่องอัลตราซาวด์แบบพกพา Philips Lumify และปี 2564 ได้ดำเนินการโครงการนำร่องในเคนยาแล้ว ส่งผลลัพธ์ในเชิงบวก ดูแลสุขภาพของสตรีมีครรภ์ได้ดีขึ้นในชุมชนชนบทและพื้นที่ห่างไกลได้
นอกจากนี้ ยังพบว่าในแต่ละวันมีสตรีกว่า 800 คนทั่วโลก ตั้งครรภ์และเสียชีวิตจากสาเหตุที่ป้องกันได้ ในปี 2563 เกือบ 95% ของมารดาที่เสียชีวิต และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงรายได้ปานกลางล่าง ในขณะที่มารดาทั่วโลกราว 2.8 แสนคน เสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด ด้วยสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากภาวะแทรกซ้อนระหว่างและหลังการตั้งครรภ์ และหลังการคลอด
ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่สามารถป้องกันหรือรักษาได้ อาทิ การตกเลือด การติดเชื้อ ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ เป็นต้น ในปี 2563 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการตายของมารดาเท่ากับ 117 ต่อการเกิดมีชีพ 1 แสนคน
เมื่อจำแนกตามกลุ่มประเทศสมาชิก องค์การอนามัยโลกได้คาดการณ์อัตราการตายของมารดาไทยเท่ากับ 29 ต่อการเกิดมีชีพ 1 แสนคน และอัตราการตายของมารดาไทยเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเซียน (ASEAN) รองจากประเทศสิงคโปร์ (7 ต่อการเกิดมีชีพ 1 แสนคน) และมาเลเซีย (21 ต่อการเกิดมีชีพ 1 แสนคน) การได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการคลอด สามารถช่วยชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิดได้
นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฟิลิปส์ มุ่งมั่นเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกล โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรมากมาย เพื่อจัดการทรัพยากร นำความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์ มาช่วยกันแก้ปัญหาและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้น ทั้งพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันที่ครอบคลุมการให้บริการทางการแพทย์ระยะไกล และการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์อย่างเต็มที่
"สำหรับวันอนามัยโลกปี 2025 เราขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์เพื่อการดูแลสุขภาพของมารดาและทารก เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพมารดา ลดอัตราการเสียชีวิตของหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสุขภาพที่สำคัญในประเทศไทย รวมถึงในประเทศที่กำลังพัฒนาอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการตรวจอัลตราซาวด์อย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนอายุครรภ์ครบ 24 สัปดาห์ เพื่อประเมินอายุครรภ์และตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น