น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
พบต้นเหตุของปอดอักเสบลึกลับอาร์เจนตินา (Mysterious Pneumonia) แล้ว
จากกรณีที่มีการระบาดย่อย (Outbreak) โดยมีลักษณะปอดอักเสบลึกลับ(Mysterious Pneumonia) ของกลุ่มบุคลากรในสถานพยาบาลที่เมือง Tucuman ประเทศอาร์เจนตินา
พบผู้ป่วย 11 ราย และเสียชีวิต 4 ราย ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในสถานที่เดียวกัน ก็คือสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง
ในช่วงแรก จากการค้นหาสาเหตุ ไม่ทราบว่าเกิดจากเชื้ออะไร จึงเรียกว่าปอดอักเสบลึกลับ
ตรวจแล้ว พบว่าไม่ได้เกิดจากโควิด ไม่ได้เกิดจากไข้หวัดใหญ่ และไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ทำให้เกิดปอดอักเสบโดยทั่วไป
ทำให้เกิดความวิตกกังวล โดยเฉพาะในประเทศอาร์เจนตินาว่า ปอดอักเสบแบบนี้ อาจจะแพร่ระบาดออกไป เนื่องจากหาตัวเชื้อโรคต้นเหตุไม่พบ ก็ไม่ทราบว่าจะป้องกันหรือควบคุมโรคได้อย่างไร
ขณะนี้ได้ทราบข่าวดีจาก PAHO : Pan American Health Organization ซึ่งได้รับแจ้งจากกระทรวงสาธารณสุขอาร์เจนตินาว่า
จากการตรวจตัวอย่างของผู้ป่วย 3 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้พบเชื้อโรคต้นเหตุชื่อว่า Legionella pneumophila
เชื้อดังกล่าวเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งพบไม่บ่อยนัก แต่ถ้าติดเชื้อแล้วก็จะมีอาการปอดอักเสบที่รุนแรง
โดยมีโอกาสเสียชีวิต 5-10% ในประชากรปกติ สูง 30% ในกลุ่มเสี่ยง และสูงมากถึง 80% ถ้าไม่ได้รับยารักษาที่ถูกต้อง
เชื้อแบคทีเรียดังกล่าว มักจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เปียกชื้นและเย็น เช่น ในระบบปรับอากาศ ในท่อน้ำเย็น เครื่องทำความเย็น เครื่องทำน้ำแข็ง สปา เครื่องช่วยหายใจ
เมื่อเชื้อดังกล่าวเข้าสู่ปอดแล้ว ถ้ามีอาการเล็กน้อย ก็จะเป็นไข้หลังจากได้รับเชื้อ 3 ชั่วโมงถึง 3 วัน
แต่ถ้ามีอาการรุนแรงลงปอด ก็มักจะมีอาการหลังจากการรับเชื้อ 2-10 วัน
คนที่จะมีอาการรุนแรงก็คือ คนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ได้แก่ มีอายุมากกว่า 50 ปี มีโรคเรื้อรังประจำตัวโดยเฉพาะทางเดินหายใจ และถ้าได้รับยากดภูมิต้านทานอยู่ก็จะถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง
การติดเชื้อนั้นจะติดผ่านละอองของน้ำหรือหมอกควันที่มีเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว การติดต่อคนสู่คนนั้นยังเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ถือว่าการแพร่เชื้อนั้น ยากกว่าการแพร่ของโควิดและฝีดาษลิง
ก็นับเป็นข่าวดี ที่ความลับดำมืดของปอดอักเสบลึกลับของอาร์เจนตินาได้รับการเปิดเผยต้นเหตุแล้ว
ทำให้การรักษาดีขึ้น เพราะมียาปฏิชีวนะที่ฆ่าเชื้อได้ รวมทั้งจะสามารถทำการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ในที่สุด