น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
โควิดไทยลดลงต่ำสุดในรอบปี 2565 ติดเชื้อ PCR เหลือ 242 ราย เสียชีวิต 11 ราย
นับจากประเทศไทยพบไวรัสสายพันธุ์ Omicron (โอมิครอน) ในปลายปี 2564 และได้ทยอยพบไวรัส Omicron มากขึ้นเป็นลำดับ จนกลายเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศไทยในปัจจุบันนั้น
พบว่าตลอดปี 2565 มีการเพิ่มขึ้นของโควิดในทุกดัชนี ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดเชื้อแบบ PCR แบบ ATK ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในระบบ ผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิต
โดยจะพบจุดสูงสุดหรือพีคอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2565 ดังนี้
ผู้ติดเชื้อแบบ PCR 27,071 ราย
(18 มีนาคม 2565)
ผู้ติดเชื้อแบบ ATK 49,494 ราย
(10 มีนาคม 2565)
ผู้ติดเชื้อรวม 72,478 ราย
(10 มีนาคม 2565)
เสียชีวิต 129 ราย
(19 21 23 เมษายน 2565)
ป่วยหนักปอดอักเสบ 2123 เตียง
(12 เมษายน 2565)
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 940 เตียง
(19 เมษายน 2565)
รักษาตัวอยู่ในระบบ 259,126 ราย
(3 เมษายน 2565)
โรงพยาบาลหลัก 67,795 เตียง
( 3 เมษายน 2565)
โรงพยาบาลสนาม 68,872 เตียง
(4 เมษายน 2565)
แยกกักที่บ้าน 123,779 ราย
( 4 เมษายน 2565)
หลังจากนั้น ก็เริ่มทยอยมีการลดลงของโควิดในทุกดัชนีเป็นลำดับ
อย่างไรก็ตาม มีตัวแปรที่จะต้องรับทราบคือ การรายงานที่เปลี่ยนแปลงไปของจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะรายงานผู้ติดเชื้อ PCR เฉพาะที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
และผู้เสียชีวิตเฉพาะที่เสียชีวิตจากโควิดโดยตรง(Died from Covid) ส่วนเสียชีวิตจากโรคอื่นแล้วมีโควิดอยู่ในตัวด้วย(Died with Covid) จะไม่นับเป็น ผู้เสียชีวิต
วันที่ 19 กันยายน 2565 พบการลดลงของสถานการณ์โควิดในทุกดัชนีดังนี้
ติดเชื้อแบบ PCR
ติดเชื้อแบบ ATK
ติดเชื้อรวม (PCR +ATK)
เสียชีวิต
ปอดอักเสบ
ใช้เครื่องช่วยหายใจ
รักษาตัวอยู่ในระบบ
รักษาตัวในโรงพยาบาลหลัก
โรงพยาบาลสนาม
แยกกักที่บ้าน
กล่าวโดยสรุป
สถานการณ์โควิดของประเทศไทย
ณ ปัจจุบัน อยู่ในช่วงขาลงแบบเต็มตัว ซึ่งประกอบด้วยดัชนีที่สำคัญคือ
จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าว สอดคล้องกับหลักวิชาการของไวรัส Omicron คือความรุนแรงลดลงอย่างชัดเจนจากผู้เสียชีวิตที่ลดลงมาก ในขณะที่ผู้ติดเชื้อลดลงน้อยกว่า เพราะไวรัส Omicron สามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วและกว้างขวาง
จึงพอจะเบาใจในเรื่องการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต แต่ยังต้องระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ โดยการใส่หน้ากากอนามัยในกิจกรรมเสี่ยง สถานการณ์เสี่ยง และฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม