นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า การใช้สารสกัด CBD จากกัญชง กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในแถบเอเชียและอาเซียน โดยเฉพาะการนำไปใช้ประโยชน์ในวงการเฮลท์แคร์ จากผลสำรวจ Data Bridge Market ได้มีการวิเคราะห์มูลค่าการเติบโตของตลาด CBD ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวม 21 เขตพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญที่มีการส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุนระหว่างกัน
พบว่า ในปี 2564 มีมูลค่า 173.36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6,646 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2572 จะเพิ่มขึ้นถึง 1,755.34 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 67,301 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 33.56% ต่อปี
ไทยลีฟ ได้เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว รวมถึงการเปิดเสรีการใช้สาร CBD จากกัญชงในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกในเอเชีย จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในการเดินหน้าสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ฟาร์มาซูติคอล เพื่อสนับสนุนวงการแพทย์ในตลาดไทยและตลาดอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานโลก และตอบโจทย์กับภาวะทางสุขภาพของคนในภูมิภาค
รวมถึงสินค้าที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยในช่วงต้นปี 2566 ผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มแรกที่จะเริ่มวางจำหน่ายได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม ที่จะพัฒนาเครื่องดื่มเสริมอาหาร (Functional Drinks) ผสมสาร CBD จากกัญชง ถัดมาคือ กลุ่มอาหารเสริม ที่จะมาในรูปแบบของ Snack Bar ซึ่งเป็นอาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ และกลุ่มเวชสำอาง เช่น คลีนเซอร์ โทนเนอร์ เซรั่ม โลชั่น ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน ราคาย่อมเยาว์ ปลอดภัยต่อทุกคน
“คนไทยรวมทั้งประชากรในอาเซียน กำลังเผชิญปัญหาทางสุขภาพอย่าง โรคนอนไม่หลับ โรคเครียดและวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า การรับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ซึ่งสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ เช่น ค่าอาหาร ปัญหาการทำงาน รวมถึงไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ติดกับเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้กระทบต่อการพักผ่อนที่ลดน้อยลงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัด CBD จากกัญชงจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม การขยายแผนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างประเทศ ต้องพิจารณากฎหมายในแต่ละประเทศสำหรับประกอบการส่งเข้า หรือจำหน่ายได้ ซึ่งถ้าตลาดของประเทศนั้นๆ มีกฎหมายที่ชี้แจงข้อปฏิบัติ ที่ทำได้อย่างชัดเจน ด้วยกำลังความสามารถทางการผลิต เครื่องมือ และทีมผู้เชี่ยวชาญ ทางไทยลีฟก็พร้อมในการนำธุรกิจกัญชงไทย ไปเปิดตลาดที่ประเทศเหล่านั้นทันที
นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ไทยลีฟยังนำองค์ความรู้ต่างๆ จากคอร์เนลล์มาใช้ในกระบวนการธุรกิจ ได้แก่
1. การปลูกกัญชงเพื่อให้ได้ค่าสาร CBD ที่สูงที่สุด ซึ่งปัจจุบัน การปลูกกัญชงโดยเฉลี่ยจะได้ค่าสาร CBD อยู่ที่ 18 – 22% แต่กัญชงของไทยลีฟที่พัฒนาร่วมกับคอร์เนลล์ มีค่าสูง 26% เหมาะกับอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ รวมถึงการสร้างรายได้ใหม่ให้กับเกษตรกรซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
2. การสร้างระบบกัญชงแบบ Zero Waste การบริหารธุรกิจโดยตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม เป็นพันธกิจสำคัญข้อหนึ่งของไทยลีฟ ซึ่งนอกจากจะใช้ช่อดอกกัญชง เพื่อสกัดสาร CBD แล้ว ส่วนบริเวณอื่นๆ ยังมีการบริหารเพื่อลดการเกิดขยะทางสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น ‘ต้น’ นำไปจำหน่ายต่อเพื่อพัฒนาทำเครื่องนุ่งห่ม ‘ใบ’ ต่อยอดพัฒนาทำผลิตภัณฑ์อาหาร ‘ราก’ นำมาเก็บสกัด เนื่องจากอุดมด้วยสารดีๆ อีกเป็นจำนวนมาก
3. การสกัดค่า CBD ตามมาตรฐานขั้นสูงสุด การสกัดสาร CBD จากกัญชงเพื่อให้ได้สารสกัดที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุดของไทยลีฟ มีการใช้โรงงานสกัดที่มีมาตรฐานระดับสูงสุด คือ GMP PIC/S เป็นมาตรฐานเดียวกับโรงงานยาตามมาตรฐานโลก ซึ่งจะมีการควบคุมดูแลตั้งแต่การทำความสะอาดห้อง การเข้าออกห้อง การเปลี่ยนชุด การควบคุมจำนวนคนที่เข้าไปห้องปฏิบัติการ ทั้งนี้ การมีสถานที่ปฏิบัติการดังกล่าวผนวกกับการปลูกกัญชงที่ได้มาตรฐานตั้งแต่ต้น ย่อมส่งต่อผลดีในการทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัด CBD ให้มีคุณภาพในรูปแบบต่างๆ ต่อไปได้ในอนาคต