นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด (TMG) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2566 บริษัทเตรียมแผนลงทุนต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยการ ศูนย์มะเร็งที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7 ไร่ ติดถนนใหญ่ ย่านปิ่นเกล้า ใช้งบลงทุนราว 4,000 ล้านบาท
ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกลุ่มบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ซึ่งที่นี่จะมีศูนย์ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยหลังผ่าตัดและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร โดยศูนย์มะเร็งแห่งนี้จะให้บริการรักษามะเร็งแบบองค์รวม ตั้งแต่ขั้นค้นหา ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง (Cancer Screening) เช่น การตรวจพันธุกรรม การใช้ X-Ray MRI CT Scan ความเร็วสูง การวินิจฉัยโรค และการจัดระยะของโรคมะเร็ง (Staging) จาก Tumor Board
ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการวางแผนการรักษา ด้านเคมีบำบัด ด้านค้นหาพันธุกรรมเพื่อพิจารณาใช้ยา (Targeted Gene Therapy (HyperPersonalize Medicine) การฉายแสงด้วยเครื่องเร่งอนุภาพ Linac หรือ Proton Beam รวมถึงการผ่าตัดด้วยศัลยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญแต่ละโรค รักษามะเร็งด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow Transplantation)
โดยการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดจะทำร่วมกับการฉายแสงเพื่อหยุดการทำงานของไขกระดูก และเป็นการใช้เซลล์สร้างเม็ดเลือดปลูกถ่ายเข้าไปในไขกระดูก เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือด และโรคเลือดต่างๆ ตลอดจนการดูแลผู้ป่วยที่ครบวงจรทั้งด้านสุขภาพ (wellness) อาหารและยา ซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถในการรักษามะเร็งโดยการใช้อาหารและวิตามิน
นอกจากนี้ จะร่วมกันศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการร่วมทุนสร้างศูนย์ให้บริการการรักษาด้านอื่นๆ อาทิ ศูนย์รักษาจอประสาทตา ซึ่งรวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อแก้ปัญหาด้านจอประสาทตาที่ผันตามแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ รวมถึงโรคเรื้อรังต่างๆ ที่นำไปสู่การลดทอนความสามารถในการมองเห็นของจอประสาทตา โดยจะเริ่มก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 2-3 ปีข้างหน้า
อีกโครงการเป็นโครงการศูนย์ดูแลสุขภาพ หรือเวลเนส เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่เศษ ย่านพระราม 3 ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยก่อสร้างเป็นอาคารสูง 52 ชั้น รองรับกลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 400 ห้อง พร้อมศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจรบริหารจัดการโดยบมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ใช้งบลงทุนทั้งหมดราว 4,000-5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนตั้งโรงพยาบาลในสปป.ลาวอีก 3 แห่ง แบ่งเป็นโรงพยาบาลในเวียงจันทร์ 2 แห่ง ขนาด 150 เตียงและ 200 เตียง พร้อมศูนย์มะเร็ง และในจำปาสัก 1 แห่ง ใช้งบลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้ร่วมทุนกับดาวเรือง กรุ๊ป จัดทำ Lao Duty Free 4-5 แห่งในสปป.ลาวด้วย
นพ.บุญกล่าวอีกว่า นอกจากสปป.ลาวแล้ว บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลในประเทศเวียดนาม จากก่อนหน้านี้ที่รับบริหารจัดการให้ ทำให้มองเห็นโอกาสและศักยภาพในการเติบโต รองรับกับเศรษฐกิจของเวียดนามที่เติบโตต่อเนื่องและรวดเร็ว ทำให้บริษัทสนใจเข้าร่วมทุนซึ่งหลังจากที่เจรจามานาน 2 ปี คาดว่าจะสรุปได้ในปีหน้า ทำให้บริษัทต้องเตรียมใช้เงินลงทุนอีก 4,000-5,000 ล้านบาท
“การลงทุนในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของ TMG เมื่อลงทุนเสร็จจะให้ THG เข้ามาช่วยบริหารเพราะมีความชำนาญ มีแพทย์และพยาบาลที่เชี่ยวชาญมากกว่า อีกทั้งยังคล่องตัวกว่า ขณะเดียวกันก็จะมีการลงทุนต่อเนื่องในโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง ซึ่งล่าสุดได้ลงทุนจัดตั้ง “TH Health” ทำหน้าที่โลจิสติกส์ ดูแลด้านการจัดซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมกระจายจัดส่งให้กับบริษัทในรูปแบบ B2B รวมถึงผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาด้วย”
อย่างไรก็ดีอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ถือเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง เพราะปีหน้าที่แนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย การจะดำเนินธุรกิจแบบปกติคงไม่ได้ ต้องปรับเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อให้ได้ไปต่อ โดยสิ่งสำคัญที่จะเข้ามาคือเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งวันนี้เราลงทุนไปมาก แต่ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องของ บุคคลากร
โดยเฉพาะด้านไอที ที่ขาดแคลนมาก ซึ่งวันนี้บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ในการสร้าง medical intelligence เพื่อทำหน้าที่บริหารด้านไอทีให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นโดยให้ความสำคัญกับ 3 สิ่งคือ 1. คุณภาพ 2. ราคา และ 3.บริการ
ทั้งนี้บริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2567 หลังจากที่มีผลประกอบการที่ดีและมีกำไรกว่า 700 ล้านบาทในปี 2566 และเพิ่มเป็นกว่า 1,000 ล้านบาทในปีถัดไป
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,842 วันที่ 8 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2565