สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย มีอัตราการติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง ขณะที่หลายคนกังขาการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเองในสถานการณ์ปัจจุบันที่โรคโควิดกำลังเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น โดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้โพสต์ข้อความเรื่อง "โควิด-19 เรื่องของหน้ากากอนามัย" ระบุว่า โรคโควิด-19 ครบ 3 ปีแล้ว ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วประมาณ 50 ล้านคน รวมทั้งฉีดวัคซีน 2 เข็มไปแล้ว ประมาณร้อยละ 80 ฉีด 3 เข็มประมาณร้อยละ 40 ทำให้ประชากรไทยตรวจพบภูมิต้านทานได้ถึงร้อยละ 96
ความรุนแรงของโรคลดลงอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดในปีแรก และโรคนี้กำลังเข้าสู่โรคประจำฤดูกาลที่ทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกับไวรัสตัวนี้
คำแนะนำในการสวมหน้ากากอนามัย
1.เด็กเล็ก-เด็กอนุบาลและเด็กประถม
คำแนะนำ
2.เด็กโตหรือผู้ใหญ่ ที่ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ
3.คนที่สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย
เช่น สวนสาธารณะ ท้องถนน ชายทะเล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย และต่อไปเมื่อเข้าสู่โรคประจำฤดูกาลเต็มที่แล้ว เน้น การใส่หน้ากากอนามัยในผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเป็นหลัก
เช่น การเดินทางด้วยรถขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า หรือสถานที่มีคนหมู่มาก ก็ควรใส่หน้ากากอนามัย
อย่างไรก็ดี ในสภาวะปัจจุบัน การใส่หน้ากากอนามัยเป็นไปด้วยความสมัครใจ ทุกคนก็คงจะต้องประเมินความเสี่ยง และความเหมาะสม ในการสวมหน้ากากอนามัย เรากำลังจะเข้าสู่ภาวะปกติใหม่ต่อไป โดยก้าวเดินไปตามความเหมาะสม แบบมีเหตุผล