นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจความเห็นของประชาชนต่อเหตุการณ์กัมมันตรังสี "ซีเซียม-137" หายจากบริษัทผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดปราจีนบุรี และถูกนำเข้าเตาหลอมเหล็กในโรงงานหลอมเหล็กดังกล่าว ผ่านทางอนามัยโพล ตั้งแต่วันที่ 23-24 มีนาคม 2566 จำนวน 379 คน พบว่า
ประชาชนได้ทราบข่าวและรู้สึกกังวลมากถึง 75.5% ในขณะที่ 23.5% ทราบข่าวแต่ไม่รู้สึกกังวลหรือไม่สนใจข่าวนี้ และ 1%. ไม่ทราบข่าว
สำหรับเหตุผลที่ประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับซีเซียม-137 ที่พบมากที่สุด คือ การแพร่กระจายและตกค้างในสิ่งแวดล้อม 93.7% รองลงมา คือ กังวลถึงผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว 89.8%
และไม่มั่นใจในการดูแลจัดการของโรงงานกลัวเกิดเหตุการณ์ซ้ำ 62.9% โดยประชาชนต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว 80.2% ข้อมูลด้านความปลอดภัยของอาหาร ผัก ผลไม้ และน้ำดื่ม 77%
วิธีลดและป้องกันการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและการเข้าสู่ร่างกาย 73.6% สำหรับสิ่งที่ประชาชนต้องการให้หน่วยงานสาธารณสุขดำเนินการมากที่สุด คือ การเฝ้าระวังตรวจการตกค้างในอาหารและน้ำ 80.2%
การตรวจสุขภาพกรณีที่รู้สึกมีอาการผิดปกติ 78.6% และการสื่อสารและให้คำแนะนำด้านสุขภาพ 77.3%
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปอีกว่า ได้มอบหมายให้สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงศูนย์อนามัยที่ 6 จังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ
และเฝ้าระวังสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ในการเตรียมความพร้อมและกำหนดมาตรการฉุกเฉินรับมือกรณีเกิดอุบัติภัยจากสารเคมีในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มต้น
ทั้งนี้ ยังได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหารและน้ำบริเวณโดยรอบชุมชน โกดัง และที่เก็บฝุ่นเหล็กดังกล่าว ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรอาทิ ปลาทะเลสด ผักและผลไม้ที่ปลูกในพื้นที่ น้ำประปาที่ใช้ในครัวเรือน น้ำจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ และน้ำบ่อตื้นที่ใช้การรดผักและผลไม้
นอกจากนี้ ยังจัดส่งตัวอย่างดังกล่าวไปตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อให้ทราบผลการตรวจวิเคราะห์และสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน