8 จังหวัดภาคเหนือรับมือค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งส่งผลกระทบถึงเดือน เม.ย.นี้ 

29 มี.ค. 2566 | 13:40 น.
อัปเดตล่าสุด :29 มี.ค. 2566 | 13:44 น.

8 จังหวัดภาคเหนือค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่ง สาธารณสุข คาดส่งผลต่อสุขภาพถึงต้นเดือน เม.ย. ก่อนเข้าสู่ภาวะปกติช่วงเดือน พ.ค. กำชับ EOC ปรับมาตรการรับมือพร้อมเร่งจัดทำห้องปลอดฝุ่นเพิ่ม  

จากสถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)

ล่าสุดนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผ่านระบบทางไกลติดตามสถานการณ์และการดำเนินงานในพื้นที่โดยมีผู้เกี่ยวข้องและผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม

นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือดีขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงมีค่าเกินมาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน และเชียงใหม่ 

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า สถานการณ์จะยังอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพต่อเนื่องไปจนถึงต้นเดือนเมษายน และค่อยลดระดับลงจนเข้าสู่ภาวะปกติช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2566 จากการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพ พบว่า ผู้ป่วยจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 ที่มีอาการเล็กน้อย เช่น ระคายเคืองตา แสบจมูก คัดจมูก อาการทางผิวหนัง มีจำนวนเพิ่มขึ้น

ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจนอาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ผู้ป่วยหอบหืด ยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งประกอบด้วย จ.เชียงราย, เชียงใหม่, ลำปาง, ลำพูน, แพร่, น่าน , พะเยา และแม่ฮ่องสอน  ขณะนี้ได้รับผลกระทบสูงสุดได้สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) และติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องทุกวัน

พร้อมประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับมาตรการในการดูแลสุขภาพประชาชนให้ทันสถานการณ์สื่อสารให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการดูแลตนเอง เช่น การสวมหน้ากากอนามัย

รวมทั้งเร่งประสานการจัดทำห้องปลอดฝุ่น (Clean Room) ในสถานบริการสาธารณสุข โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และสถานดูแลผู้สูงอายุ โดยให้ อสม.ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ผู้ป่วยติดเตียง หากจำเป็นให้เคลื่อนย้ายมาพักในห้องปลอดฝุ่น

นอกจากนี้ให้หน่วยงานในพื้นที่สำรวจความต้องการเวชภัณฑ์ ยา ที่จำเป็นสำหรับดูแลผู้ป่วย และหน่วยงานส่วนกลางจัดเตรียมเพิ่มเติมเพื่อให้การสนับสนุน

ส่วนกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย ให้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการดำเนินการตามประเด็นกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ รวมทั้งออกคำแนะนำการจัดทำห้องปลอดฝุ่นที่ได้มาตรฐาน ให้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชนได้นำไปดำเนินการเพื่อช่วยเพิ่มห้องปลอดฝุ่นให้เร็วขึ้นด้วย