เตือน!โควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 แพร่เชื้อไวกว่า XBB.1.5 ถึง 1.17 เท่า

19 เม.ย. 2566 | 04:02 น.
อัปเดตล่าสุด :19 เม.ย. 2566 | 04:03 น.

เตือน!โควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 แพร่เชื้อไวกว่า XBB.1.5 ถึง 1.17 เท่า หมอธีระชี้งความรุนแรงของโรคยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ระบุโควิด-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก และไม่ใช่หวัดตามฤดูกาล

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ ได้มีความพยายามให้ความรู้ และให้สัมภาษณ์สื่อทั้งไทยและเทศ เพื่อช่วยกันแก้ไขข่าวลวงเกี่ยวกับ XBB.1.16 

สิ่งหมอธีระเน้นย้ำก็คือ ความรู้จนถึงปัจจุบันมีดังนี้

  • พบครั้งแรกที่อินเดีย และระบาดเยอะในอินเดียจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้มีรายงานตรวจพบไปแล้ว 34 ประเทศทั่วโลก
  • XBB.1.16 นั้นได้รับการพิสูจน์จากทีมมหาวิทยาลัยโตเกียวแล้วว่า มีสมรรถนะการแพร่ ซึ่งประเมินค่า Effective reproductive number (Re) มากกว่า XBB.1 ราว 27% หรือ 1.27 เท่า และมากกว่า XBB.1.5 ซึ่งครองการระบาดทั่วโลกในปัจจุบันราว 17% หรือ 1.17 เท่า โดยมีระดับการดื้อต่อภูมิคุ้มกันพอๆ กัน ซึ่งตระกูล XBB.x นั้นดื้อกว่า Omicron สายพันธุ์ย่อยเดิมๆ ที่เคยระบาดมาก 
  • เรื่องความรุนแรงของโรคนั้น ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน แต่จากสถิติในอินเดีย ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของอัตราเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นชัดเจน คงต้องเฝ้าระวังกันต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าสายพันธุ์ใด ติดเชื้อแต่ละครั้งไม่ใช่แค่ชิลๆ แล้วหาย แต่ป่วยได้ รุนแรงได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อ Long COVID ด้วย
  • อาการเด่นของสายพันธุ์ย่อย "XBB.1.16" นั้น มีการแชร์ข้อมูลจากกุมารแพทย์ในอินเดีย ซึ่งเล่าประสบการณ์พบผู้ป่วยเด็กมาด้วยอาการไข้สูง และมีเยื่อบุตาอักเสบ จึงตั้งเป็นข้อสังเกตเตือนให้ทราบกัน 

โควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 แพร่เชื้อเร็วกว่า XBB.1.5 ถึง 1.17 เท่า

อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการรวบรวมข้อมูลเรื่องอาการของ XBB.1.16 อย่างเป็นระบบ และยังไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่น ดังนั้นจึงควรฟังหูไว้หู และคอยติดตามข้อมูลอัพเดตกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

หมอธีระบอกด้วยว่า สิ่งที่ควรรู้ก็คือ เยื่อบุตาอักเสบ เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ รวมถึงไวรัสก็หลากหลายชนิด รวมถึงโควิด-19 ตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิมก็มีรายงานว่าทำให้เกิดได้เช่นกัน แต่เจอไม่บ่อยนัก 

  • เลือดกำเดาไหล รวมถึงเลือดออกใต้เยื่อบุตา สามารถเกิดขึ้นได้จากการไอแรงๆ จามแรงๆ หรือไอจามต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะจากหวัด หวัดใหญ่ ภูมิแพ้ รวมถึงโควิด-19 เพราะการไอและจามแรงๆ จะเพิ่มความดันในลูกตาจนทำให้เส้นเลือดฝอยแตก หรือเพิ่มความดันในโพรงจมูก จนทำให้เลือดกำเดาไหลได้
     

เหนืออื่นใด ไม่ว่าจะโควิดสายพันธุ์ใด โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ รวมถึงโรคติดต่อต่างๆ ล้วนป้องกันได้ ลดความเสี่ยงได้ หากเรามีความใส่ใจสุขภาพ ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท มีสติ ใช้ความรู้ที่ถูกต้อง ป้องกันตัวสม่ำเสมอ

หมอธีระยังคงย้ำด้วยว่า โควิด-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก และไม่ใช่หวัดตามฤดูกาลดังที่โม้หรือปรามาสกัน 

ณ ปัจจุบันยังไม่สามารถทำนายการเปลี่ยนแปลงของมันได้อย่างแม่นยำ ลักษณะยังไม่เป็นไปตามฤดูกาล แต่เป็นไปตามระดับความเสี่ยงจากพฤติกรรมของคนและสังคม รวมถึงระดับภูมิคุ้มกัน

สุดท้ายคือ Long COVID ที่เป็น Pandora box และสร้างผลกระทบต่อชีวิตคนจำนวนมากที่เป็น โดยยังไม่มีวิธีรักษามาตรฐาน

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก