จากรายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ โดยในกทม. และปริมณฑล พบการระบาดสูงกว่าพื้นที่อื่น และผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ติดเชื้อจากคนในครอบครัว และไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด
นายกฯ แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิด-19 โดยมีความห่วงใยกลุ่มเสี่ยง 608 และเน้นย้ำขอให้ลูกหลานพามารับวัคซีนประจำปี
เช่นเดียวกับ กระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นมานานกว่า 3 เดือน ควรไปรับวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง และหน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ด้วย
พบข้อมูลคิดโควิดเฉลี่ยวันละ 424 ราย
การประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุด ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า สถานการณ์การระบาดเป็นไปตามคาด นั่นคือ หลังเทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอม และเข้าสู่ฤดูฝน พบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 425 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 253 ราย และเสียชีวิต 42 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย
ขณะที่ แนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มี 60 กว่าราย ปัจจัยเสี่ยงของผู้เสียชีวิตยังเหมือนเดิม คือเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากคนในครอบครัวที่มีกิจกรรมนอกบ้าน และเกือบทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยขณะนี้ในเขตกทม. และปริมณฑล พบมีการระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น
แจ้งเตือนกลุ่มเสี่ยงรีบฉีดวัคซีน
ล่าสุด ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทำหนังสือประสานประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.และจังหวัด ให้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเร่งฉีดวัคซีนมากขึ้น
ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งความสามารถในการแพร่ระบาดและความรุนแรงไม่ได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม ขณะที่ เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมทั้งประเทศและ กทม. ยังคงเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22% ขณะที่ยาที่ใช้ในการรักษามีเพียงพอเช่นกัน
นายอนุชา กล่าวว่า การฉีดวัคซีนถือเป็นมาตรการเร่งด่วนสำหรับผู้สูงอายุ เพราะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตได้ นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 608 โดยขอให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุในบ้านไปฉีดวัคซีนประจำปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์การฉีดวัคซีนประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา
หากลูกหลานป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือหากจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการนำเชื้อไปแพร่ให้ผู้สูงอายุ โดยกระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบหรือไม่ได้รับเข้มกระตุ้นมานานกว่า 3 เดือน ควรไปรับวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง และหน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ เพื่อช่วยลดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อได้อย่างดี
อีกทั้งปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น หากมีอาการแต่ตรวจ ATK ไม่พบ อาจสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แม้เป็นกลุ่มเสี่ยง อาจทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้ามีอาการไม่มาก สามารถใช้การรักษาตามอาการไม่ต้องไปโรงพยาบาล แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น สูงอายุ มีโรคประจำตัว เป็นผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโดยเร็ว