7 แสนคนเฮ! ลงทะเบียน"สิทธิบัตรทอง"ใน กทม.ไม่ต้องย้ายทะเบียนบ้าน

07 ก.ค. 2566 | 20:15 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ค. 2566 | 00:35 น.

ข่าวดี กทม.-สปสช. ชวนประชากรแฝงกว่า 7 แสนรายลงทะเบียนใช้ "สิทธิบัตรทอง" ในกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องย้ายทะเบียนบ้าน ตรวจสอบเงื่อนไข คุณสมบัติ พร้อมช่องทางลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์การรักษาได้ที่นี่  

จากการแถลงข่าว "กรุงเทพมหานครจับมือ สปสช. ชวนประชากรแฝงกว่า 7 แสนรายลงทะเบียนสิทธิบัตรทองในกรุงเทพ พร้อมจับมือ รพ.เอกชน รับส่งต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่ กทม.เข้าถึงการรักษาสะดวก รวดเร็ว" ที่ผ่านมา

รศ.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เนื่องจากกทม.เป็นเมืองใหญ่มีความสลับซับซ้อนและมีประชากรหนาแน่น รวมถึงประชากรแฝงการจัดระบบดูแลสุขภาพจึงต้องมีความจำเพาะพิเศษ

สำหรับความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร สปสช.และโรงพยาบาลเอกชนในวันนี้จะช่วยทำให้ประชากรแฝงกว่า 700,000 คนที่เข้ามาทำงานหรือมาเรียนและพักอาศัยใน กทม.ได้ลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลใกล้ที่ทำงาน ที่เรียน หรือตรงตามที่พักอาศัยเพื่อได้รับการรักษาใกล้บ้านใกล้ใจ

ทั้งนี้ ในส่วนของกทม.นั้น ทางสำนักอนามัยได้เตรียมความพร้อมศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่งใน 50 เขตทำหน้าที่เป็น Area Manager ผู้จัดระบบบริการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ 

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากที่คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขต (อปสข.) เขต 13 กรุงเทพมหานคร ได้ประชุมร่วมกับกทม.เพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบบริการสาธารณสุขในพื้นที่

มีประเด็นสำคัญ คือ การให้ประชากรแฝงประมาณ 700,000 คนที่เข้ามาทำงานหรือมาเรียนและอยู่อาศัยใน กทม. แต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านมาได้ลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิบัตรทองในกทม. 

โดย สปสช.จะร่วมกับกทม.ดำเนินการให้ทุกคนได้ลงทะเบียนกับหน่วยบริการประจำใน กทม.ที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน ที่เรียน หรือที่พักอาศัย โดยไม่ต้องย้ายทะเบียนบ้าน

เมื่อเจ็บป่วยสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลที่ลงทะเบียนที่เลือกไว้ได้ ซึ่ง สปสช.ได้จัดเตรียมเครือข่ายหน่วยบริการรองรับคนกลุ่มนี้ไว้ มีคลินิกชุมชนอบอุ่นเกือบ 300 แห่งให้เลือกเป็นหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลปฐมภูมิและมีศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่งทั้ง 50 เขต โดย สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยบริการประจำของตัวเองกรณีเกินศักยภาพจะได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลรับส่งต่อ 

ทั้งยังได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่นอกระบบมาร่วมเป็นสถานพยาบาลรับส่งต่อ ซึ่งเป็นไปตามตามมาตรา 7 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยที่มีเหตุสมควร เข้ารับบริการที่สถานพยาบาลอื่นได้ โดยบัญชีเครือข่ายหน่วยบริการ จะขึ้นรายชื่อหน่วยบริการรับส่งต่อว่า สายด่วน 1330 ประสานส่งต่อ 

กรณีเกิดการเจ็บป่วย: สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลปฐมภูมิ/ประจำที่ลงทะเบียนเลือกไว้

กรณีที่จำเป็นต้องส่งต่อไปรักษา: เนื่องจากเกินศักยภาพของสถานพยาบาลปฐมภูมิ/ประจำ เจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลจะโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 เพื่อประสานการส่งต่อกับสถานพยาบาลให้ โดยขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมแล้ว 17 แห่งทำให้ขยายจำนวนเตียงสำรองเพิ่มได้ถึง 572 เตียง 

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และเงื่อนไข

กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นประชากรแฝงกว่า 700,000 รายที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ กทม.แต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านมาสามารถลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลประจำตัวใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน หรือใกล้สถานศึกษาได้ โดยไม่จำเป็นต้องย้ายทะเบียนบ้านมา

ใช้หลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ 

  • หนังสือรับรองของเจ้าของบ้าน หรือ 
  • หนังสือรับรองของผู้นำชุมชน หรือ 
  • หนังสือรับรองผู้ว่าจ้างหรือนายจ้าง หรือ 
  • เอกสารหรือหลักฐานที่มีชื่อของผู้ประสงค์ลงทะเบียน เช่น ใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าที่พัก สัญญาเช่าที่พัก ฯลฯ หรือ 
  • ผู้ที่ต้องการลงทะเบียนทำหนังสือรับรองตนเองได้ 

ช่องทางลงทะเบียน

1.แอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนูเปลี่ยนหน่วยบริการ 

2.ไลน์ OA สปสช. (พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso ในช่องเพิ่มเพื่อน) เลือกเมนูเปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง 

3.ติดต่อด้วยตนเอง ที่ ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ (อาคารบี) ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. ในวันเวลาราชการ หากไม่สะดวกสามารถ โทร.สายด่วน สปสช.1330