ไทยเตรียมรับภาวะโลกเดือด เสี่ยงกระทบสุขภาพ กรมอนามัยแนะวิธีรับมือ

23 ส.ค. 2566 | 08:45 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2566 | 08:48 น.

กรมอนามัย เผย ไทยเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) เสี่ยงกระทบสุขภาพ แนะประชาชนเตรียมรับมือ และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เปิดวิธีรับมือลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ของประเทศไทยเพื่อเตรียมรับมือการเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยถึงการเตรียมความพร้อม แนะประชาชนและกลุ่มเสี่ยงปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ได้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยชี้ว่า ยุคโลกร้อน (Global Warming) สิ้นสุดลงแล้ว และยุคโลกเดือด (Global Boiling) ได้เริ่มขึ้นแล้ว

จากการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง พบว่า ตั้งแต่ปี 2558 – 2565 มีอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับภูมิภาคเอเชียพบอุณหภูมิเฉลี่ยในปี 2565 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปีย้อนหลัง ทั้งยังพบว่า อุณหภูมิในมหาสมุทรฝั่งเอเชียมีอัตราร้อนขึ้นเกิน 0.5 องศาเซลเซียสต่อ 10 ปี ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกประมาณ 3 เท่า จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น ไฟไหม้ป่า ภัยแล้ง น้ำท่วมฉับพลันเพิ่มขึ้นและรุนแรงมากขึ้น

ทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยจากมลพิษทางอากาศและภัยแล้ง การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากน้ำท่วม รวมถึงการเสียชีวิตจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด

นอกจากนี้องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Metrological Organization: WMO) ยังให้ข้อมูลว่า เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด และทวีปเอเชียเป็นภูมิภาคที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก 

นายแพทย์สุวรรณชัย ระบุว่า สำหรับประเทศไทยพบว่า ในปี 2566 มีแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.5 องศาเซลเซียส โดยเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2566 ที่จังหวัดตาก มีอุณหภูมิสูงสุด 44.6 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับอันตรายมาก (อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 43 องศาเซลเซียส) เมื่อเทียบกับค่าเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน และคาดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน 2567 เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ 

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังได้คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากความร้อนในอัตรา 58 ต่อแสนประชากร หรือ 14,000 ราย ภายในปี 2623 หรือในอีก 57 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเตรียมรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนี้ 

1.ร่วมมือ ป้องกันไม่ให้สถานการณ์ภาวะโลกเดือดมากกว่าเดิม โดยช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • ลดการใช้พลาสติก
  • ลดการเผาที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ
  • ลดการใช้พลังงาน
  • ลดขยะในครัวเรือน
  • เลือกใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น 

2.เตรียมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น หมั่นติดตามสภาพอากาศ

กรณีสภาพอากาศร้อนขึ้น

  • ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ
  • สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี

หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมภายนอกอาคาร

  • ควรสวมเสื้อแขนยาว
  • หมวกปีกกว้าง
  • แว่นตา
  • ทาครีมกันแดด รวมถึงควรงดดื่มสุรา น้ำหวาน น้ำอัดลม

คำแนะนำสำหรับกลุ่มเสี่ยง

สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงสูง ควรมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด และเตรียมเบอร์โทรศัพท์ 1669