เตือน!ติดเชื้อ"โควิด19"เสี่ยงเกิด"โรคความดันโลหิตสูง"ถึงถึง 20.6%

โควิด19 ยังคงมีการแพร่ระบาด และเชื้อมีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบการกลายพันธุ์จนนำไปสู่โควิดสายพันธุ์ BA.2.86

อย่างไรก็ดี การติดเชื้อโควิดไม่ใช่ว่าเป็นแล้วหาย โดยไม่มีผลกระทบอย่างใดต่อร่างกาย

ล่าสุดรศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความระบุถึงการเชื้อ "โควิด19" กับ "โรคความดันโลหิตสูง" ว่า 

การติดโควิด-19 เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง

หมอธีระ ระบุว่า งานวิจัยล่าสุดจากทีมงาน Albert Einstein College of Medicine and Montefiore Medical Center ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารการแพทย์ Hypertension เมื่อ 21 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา

ศึกษาติดตามประชากรทั้งที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 45,398 คน ตั้งแต่มีนาคม 2020 ถึงสิงหาคม 2022 และที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ จำนวน 13,864 คน ตั้งแต่มกราคม 2018 ถึงสิงหาคม 2022 โดยไม่เคยมีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูงมาก่อน 

สาระสำคัญพบว่า 

• กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยไม่ได้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จะมีอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูงถึง 10.85% ณ 6 เดือน
• กลุ่มที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จะมีอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูงถึง 20.6% ณ 6 เดือน
• กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยไม่ได้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จะมีอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูง มากกว่ากลุ่มที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 1.52 เท่า
• กลุ่มที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จะมีอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูง มากกว่ากลุ่มที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2.23 เท่า

ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นชัดเจนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยเกิดขึ้นกับทั้งกลุ่มที่ป่วยรุนแรง และที่ป่วยอาการน้อย 

นอกจากนี้ยังพิสูจน์ให้เห็นว่า โควิด-19 นั้นส่งผลกระทบมากกว่าไข้หวัดใหญ่อีกด้วย
ดังนั้น การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดซ้ำ ย่อมดีที่สุด

หลังจากหายป่วยจากการติดเชื้อช่วงแรกไปแล้ว ควรหมั่นสังเกตตรวจตราสุขภาพของตนเอง เพื่อที่จะได้ทำการคัดกรองโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการติดเชื้อ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก