"ไข้หวัดใหญ่" และ "RSV" กำลังอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาด จากการที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝน และการเปิดภาคเรียน
ล่าสุดนพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งโพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัว (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความระบุไข้หวัดใหญ่ และRSV ว่า
ไข้หวัดใหญ่ และ RSV กำลังระบาด และพบบ่อย ในขณะนี้
หมอยง ระบุว่า โรคทางเดินหายใจที่พบบ่อยและกำลังระบาดอยู่ขณะนี้ ไข้หวัดใหญ่และ RSV พบได้บ่อยมากในขณะนี้
ไข้หวัดใหญ่ในปีนี้กำลังระบาดอยู่ หลังจากสงบเงียบในช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 มา 3 ปี ในปีนี้พบได้บ่อยและระบาดมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน พบได้ทั้ง 3 สายพันธุ์ คือไข้หวัดใหญ่ A ได้แก่ H1N12009, H3N2 และไข้หวัดใหญ่ B ที่ระบาดในปีนี้เป็นสายพันธุ์ Victoria สายพันธุ์เดียวกับที่เคยระบาดทิ้งท้าย ก่อนโควิด 19 เชื้อที่พบในปีนี้พบทั้ง 3 สายพันธุ์จึงเป็นเหตุให้มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก
กลุ่มเปราะบาง หรือ 608 ที่เรารู้จักกัน รวมทั้งเด็กเล็ก เป็นกลุ่มที่ควรจะได้รับการป้องกันด้วยวัคซีน ถึงแม้ว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพไม่สูงมาก แต่จะได้ลดความรุนแรงของโรคลง
ส่วน RSV ที่พบอยู่ขณะนี้ส่วนมากพบในเด็ก และกลุ่มผู้สูงอายุ ในเด็กที่กำลังระบาดอยู่นี้เป็น RSV สายพันธุ์ B ซึ่งตรงข้ามกับปีที่ผ่านมาการระบาดเป็นสายพันธุ์ A (ON1) RSV เป็นโรคที่เป็นแล้วเป็นได้อีก เด็กบางคนเป็นทุกปี
และจะระบาดไปถึงปลายปีโดยเฉพาะปลายฝนต้นหนาว ถึงแม้ว่าจะมีเพียง 2 สายพันธุ์คือ A และ B แต่ยังแบ่งสายพันธุ์เป็นกลุ่มเล็กๆได้อีก การติดเชื้อสายพันธุ์ A ไปแล้วก็สามารถเป็นสายพันธุ์ A ซ้ำได้หรือเป็นสายพันธุ์ B ก็ได้ (จากการวิจัยของศูนย์ไวรัส จุฬาที่ทำอยู่)
หมอยง ระบุอีกว่า ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ RSV ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อในปีต่อไปได้ เช่นเดียวกันกับโควิด 19 จึงทำให้เป็นแล้วเป็นได้อีก
ในเด็กปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน ถึงแม้ว่าจะมีการศึกษาใช้วัคซีนในสตรีตั้งครรภ์เพื่อหวังป้องกันในเด็ก ช่วงแรกเกิดหรือ 6 เดือนแรก แต่ในบ้านเรายังไม่มีการนำมาใช้
ขณะที่ในเด็กวัคซีนคงยังต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพราะโรคนี้เป็นแล้วเป็นได้อีก
การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับไข้หวัดใหญ่ และ RSV ก็คงหนีไม่พ้นวิธีการป้องกันเช่นเดียวกันกับการป้องกันโควิด 19
ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือ ดูแลสุขอนามัย ใส่หน้ากากอนามัยในที่มีคนหนาแน่น ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หรือมีอาการทางเดินหายใจ ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค