"น้ำมันหอมระเหย"เป็นสารอินทรีย์ที่พืชผลิตขึ้นตามธรรมชาติ เก็บไว้ตามส่วนต่าง ๆ เช่น กลีบดอก ผิวของผล เกสร ราก เปลือกของลำต้น หรือยางที่ออกมาจากเปลือก มีองค์ประกอบทางเคมีที่สลับซับซ้อนและแตกต่างกันนับสิบร้อยชนิด น้ำมันมีลักษณะเป็นของเหลวไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนน้ำมันพืช มีกลิ่นหอมระเหยง่าย
เวลาที่ได้รับความร้อนอนุภาคเล็ก ๆ ของน้ำมันหอมระเหยจะระเหยออกมาเป็นไอทำให้ได้กลิ่นหอม กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยในส่วนของดอกไม้มีบทบาทสำคัญในการช่วยดึงดูดแมลงมาผสมเกสร ปกป้องการรุกรานจากศัตรู และรักษาความชุ่มชื้นแก่พืช
สำหรับประโยชน์ต่อมนุษย์ น้ำมันหอมระเหยมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค บรรเทาอาการอักเสบ หรือลดบวม คลายเครียด หรือกระตุ้นให้สดชื่น ทั้งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสเฟซบุก๊ส่วนตัว (ธีระวัฒน์เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha)โดยมีข้อความเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหยว่า
"น้ำมันหอมระเหย" สมองดีขึ้น 226%
หมอธีระวัฒน์ หยิบยกบทความจากวารสาร frontiers Neuroscience กรกฎาคม 2023 ที่ระบุว่า
คนอายุ 60 ถึง 85 สุขภาพดี ทางร่างกายและการประเมินความจำ โดยได้กลิ่นเครื่องหอมระเหย (odorant diffuser) คืนละ 2 ชั่วโมง ได้แก่ เช่น กลิ่น กุหลาบ ส้ม ยูคาลิปตัส มะนาว เป๊ปเปอร์มิ้นท์ โรสแมรี่ ลาเวนเดอร์
ผ่านไปหกเดือนตรวจสอบความจำดีขึ้น 226% และยืนยันจากการประเมิน ประสิทธิภาพของเส้นใยประสาท
พบว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างสมองส่วนหน้า orbitofronatal cortex เข้ากับสมองส่วนความจำ temporal lobe โดยผ่านทาง uncinate fasciculus
แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าประเภทของอาหาร ผัก ผลไม้กากไย ถั่ว ธัญพืช งดลดเนื้อสัตว์ ทานปลาได้
ลดแป้ง ร่างกายและสมองจะยิ่งสดใสขึ้นไปอีก และแน่นอนเคลื่อนไหวตลอดไม่ใช่นั่ง ไม่ว่าในบ้านที่ทำงานและทำให้ได้จากการเดิน หมื่นก้าว ต่อวันจะได้รับแสงแดดด้วย