อาการเจ็บป่วย ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวดังกล่าวนี้ มีตั้งแต่ไอจาม คัดจมูก อ่อนเพลีย เป็นไข้ แบบ ไข้หวัดใหญ่ และ ไข้หวัด ทั่วไป ไปจนถึง โควิด-19 ที่ยังกลายพันธุ์และแพร่ระบาดอยู่ในสหรัฐอย่างไม่ลดละ
สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างอิงข้อมูลของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ที่ระบุว่า โควิด-19 ที่บางเบาลงในหลายประเทศ ยังคงมีพิษสงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิมในสหรัฐ โดยกล่าวได้ว่า เชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 ยังคงนำโด่งในแง่ไวรัสโรคระบบทางเดินหายใจที่มาสร้างความปั่นป่วนและเป็นสาเหตุทำให้ผู้คนล้มป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากที่สุดในสหรัฐ ณ ช่วงเวลานี้
ในระยะสัปดาห์ที่ผ่านมามี 25 มลรัฐในสหรัฐ ที่ผู้คนต้องเผชิญกับอาการเจ็บป่วยด้วยไข้หวัด ไอ และอาการทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เป็นระดับสูงสุด แม้ว่าจะเป็นสัดส่วนที่ลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งมีถึง 37 รัฐก็ตาม
องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังระบุด้วยว่า ในแง่ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตเกือบ 10,000 คนในเดือนธันวาคม 2566 โดยมีปัจจัยมาจากการรวมตัวสังสรรค์ช่วงวันหยุดเทศกาลและการระบาดของโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่ไม่อาจนิ่งนอนใจ นั่นก็คือ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 มีชาวอเมริกันที่เจ็บป่วยจาก "ไข้หวัดใหญ่" อย่างน้อย 16 ล้านคน ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 180,000 คน และเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 11,000 คน ในจำนวนนี้ CDC ระบุว่าเป็นเด็ก 47 คน
ล่วงมาถึงเดือนมกราคม 2567 ถือว่าเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดของอาการเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ เมื่อเกิดขึ้นในบริบทที่อัตราการเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ไวรัสอาร์เอสวี และไข้หวัดใหญ่ ยังมีสัดส่วนที่ต่ำอยู่ ก็ดูเหมือนจะทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ ทำให้มีการรณรงค์เกี่ยวกับการป้องกันตัวเองจากโรคในระบบทางเดินหายใจนี้กันอีกครั้ง ซึ่งเริ่มต้นจากสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน เช่น
ยังถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ดังนั้น จึงแนะนำว่าควรใช้เวลาหน้าอ่างล้างมือให้นานขึ้น โดยเวลาที่แนะนำสำหรับการล้างมือให้สะอาดในแต่ละครั้งคือ 20 วินาที ซึ่งหากการนับเลขดูยากไป หรือชื่นชอบการร้องเพลงระหว่างล้างมือ ก็แนะนำให้ร้องเพลง “Happy Birthday” แบบช้า ๆ สัก 2 รอบระหว่างล้างมือด้วยสบู่ นั่นก็จะเป็นเวลาที่เพียงพอแล้ว
แต่ใครไม่สะดวกที่จะหาที่ล้างมือในเวลาจำเป็น การใช้เจลล้างมือที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 60% ขึ้นไปก็สามารถช่วยป้องกันได้เช่นกัน
นอกจากนี้ การสวมหน้ากากอนามัยระหว่างอยู่ในพื้นที่แออัด และการเพิ่มระบบระบายอากาศในที่ทำงานและที่บ้าน ในช่วงฤดูกาลที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทางเดินหายใจเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น
แม้จะมีการพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่ที่ช่วยปกป้องผู้รับวัคซีนจากโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ย่อย JN.1 ได้ แต่ทว่าในสหรัฐมีผู้เข้ารับวัคซีนดังกล่าวในอัตราต่ำมาก คือเพียงราวๆ 17% เท่านั้น
ดังนั้น CDC จึงยังแนะนำให้ประชาชนไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดสายพันธุ์ใหม่ ขณะเดียวกัน ก็แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วย ส่วนผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับวัคซีนไวรัสอาร์เอสวี เช่นเดียวกับสตรีมีครรภ์ที่ต้องรับวัคซีนเพื่อส่งต่อการป้องกันไวรัสดังกล่าวในทารก
เนื่องจากเด็กเล็กมักจะติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่ายเมื่อไปไหนมาไหน ผู้เชี่ยวชาญอย่าง เจนนิเฟอร์ ซันนี จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ ในนครซีแอตเติล จึงแนะนำว่า ในช่วงเวลานี้ของปี เด็ก ๆ จะอยู่ในอาคารปิดร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ สัมผัสของเล่นและพื้นผิวคล้าย ๆ กัน บางคนไม่ได้เรียนรู้ที่จะปิดปากเวลาไอหรือจาม และพวกเขาไม่เคยเจอกับโรคต่าง ๆ จากภายนอกมาก่อน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่ได้พัฒนาอย่างเต็มที่นัก ทำให้การป่วยไข้ในเด็กๆ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ด้วยเหตุนี้ จึงสำคัญมากที่พ่อแม่ผู้ปกครอง จะต้องดูแลตนเองให้แข็งแรงเป็นพิเศษด้วย เพราะหากพ่อแม่ผู้ปกครองต้องอดนอน ขาดน้ำ หรือมีความเครียดมาก ก็อาจส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้
ทั้งนี้ สิ่งของที่จำเป็นต้องมีติดบ้านสำหรับลูกหลานที่เจ็บป่วย คือ น้ำเกลือสำหรับฉีดพ่นจมูกที่บ้าน เพื่อบรรเทาอาการคัดแน่นจมูกและขับเสมหะในเด็ก นอกจากนี้ ควรมีชุดรับมือไข้หวัดในเด็ก ที่ประกอบด้วยยาแก้หวัด ยาแก้ไอ ยาลดไข้ กระดาษทิชชูเช็ดจมูกสำหรับน้ำมูกไหลโดยเฉพาะ และขวดน้ำดื่มเพื่อลดอาการขาดน้ำในช่วงเวลาที่เจ็บป่วย
กรณีที่รู้สึกตัวว่าป่วยแล้ว การตรวจหาเชื้อโดยทันทีจะช่วยระบุว่าป่วยเป็นโควิด-19 หรือไข้หวัดกันแน่ ซึ่งการแยกแยะให้ได้นี้เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนั้น ยังจำเป็น หากต้องใช้ยารักษาเพื่อลดความเสี่ยงของอาการที่รุนแรงขึ้น อย่างเช่นยา Paxlovid ใช้สำหรับโควิด-19 หรือยา Tamiflu สำหรับไข้หวัดใหญ่
ในสหรัฐนั้น หากไม่มีชุดตรวจโควิดที่บ้าน ผู้คนสามารถมองหาที่ตรวจ พ่วงด้วยแผนการรักษาที่คลินิก ร้านขายยา หรือศูนย์การแพทย์ใกล้บ้าน นอกจากนี้ ยังมีโครงการตรวจโควิดฟรีที่บ้านสำหรับผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพในสหรัฐอีกด้วย