นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต เปิดเผยว่า ปีนี้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยฟื้นตัวเต็มรูปแบบ โดยปริมาณผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่าคนไข้ในประเทศ กลับมาใช้บริการเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด-19 สะท้อนความเชื่อมั่นต่อระบบบริการสุขภาพไทย และคนไข้ต่างชาติ เริ่มกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด แม้จำนวนคนไข้จีนและตะวันออกกลาง จะลดลงจากนโยบายกระตุ้นรักษาผู้ป่วยในประเทศของจีนและซาอุดีอาระเบีย แต่คนไข้จากประเทศอื่นๆ กลับเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ กัมพูชา และเมียนมา
ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน มาจากการเปิดประเทศช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อจำนวนคนไข้ต่างชาติ และเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ผู้คนมีกำลังซื้อในการรักษาพยาบาล รวมถึงนโยบายภาครัฐ สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
โรงพยาบาลวิมุตเดินหน้ากลยุทธ์ ขยายธุรกิจสู่โรงพยาบาลเฉพาะทาง ภายใต้ระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์แบบครบวงจร โดยมีแผนเปิดตัว “โรงพยาบาลศัลยกรรมกระดูกและข้อ” บนถนนทองหล่อ ภายในสัปดาห์หน้า หลังใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปี นอกจากนี้วิมุตยังมีแผนขยายธุรกิจสู่โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านหัวใจในอนาคต และ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านสมองและระบบประสาท ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้
โดยวิมุตเดินหน้ายกระดับการรักษาด้วยการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง (Center of Excellence) ขึ้นในโรงพยาบาลวิมุต และโรงพยาบาลวิมุตเทพธารินทร์ โดยโรงพยาบาลวิมุตมุ่งสู่ศูนย์กลางการรักษามะเร็งแบบครบวงจร และโรงพยาบาลวิมุตเทพธารินทร์จะตอกย้ำความเป็นเลิศด้านเบาหวานและไทรอยด์ นอกจากนี้วิมุตจัดทำแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพครบวงจร และธุรกิจอื่นๆ ประกอบไปด้วย
นายแพทย์สมบูรณ์ กล่าวว่า ปีนี้มุ่งเน้นไปที่การขยายฐานผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ โดยวางงบลงทุน 3,200 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทาง Orthopaedic Hospital และขยายโรงพยาบาลผู้สูงอายุ Long-term care เพิ่มอีก 2 แห่ง ที่วัชรพลและแบริ่ง นอกจากนี้จะเพิ่มเตียงใน Chersery Home ให้ครบ 600 เตียงภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ
ล่าสุดโรงพยาบาลวิมุต เดินหน้าขยายธุรกิจเปิด “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต (ViMUT LASIK Center)” รองรับเทรนด์ขาขึ้นของการแก้ไขสายตาด้วยเลสิก ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าในปี 2593 ประชากรโลกครึ่งหนึ่งจะเผชิญปัญหาสายตาสั้น
ทั้งนี้สถาบันวิจัย Market Research Future ระบุว่า วงการเลสิกทั่วโลกมีมูลค่าราว 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 2.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 ไปแตะ 4.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2575
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดเลสิกเติบโตคือ ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ผู้คนใช้เวลากับหน้าจอมากขึ้น ส่งผลต่อสายตา การทำเลสิกจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง ให้กลับมาชัดเจน โดยแว่นตาและคอนแทคเลนส์มีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่มาก เช่น ค่าเปลี่ยนเลนส์ ค่าน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ ค่าตรวจวัดสายตา เป็นต้น
เมื่อเทียบกับค่าเลสิกที่จ่ายเพียงครั้งเดียว แว่นตาอาจมีราคาแพงกว่าในระยะยาว อีกทั้งปัจจุบันมีคลินิกและโรงพยาบาลที่ให้บริการเลสิกมากขึ้น ทำให้ผู้คนเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นและข้อมูลเกี่ยวกับเลสิกมีให้หาได้ง่าย ผู้คนสามารถศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
หลังเปิดให้บริการเพียง 2 เดือน “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต” ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าใช้บริการสูงสุด 15 เคสต่อวัน ส่วนหนึ่งมาจากการตั้งราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้
นายแพทย์อัมพร จงเสรีจิตต์ ผู้อำนวยการศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่าโรงพยาบาลวิมุตมีแผนขยาย “ศูนย์เลสิก” ไปยังโรงพยาบาลวิมุตเทพธารินทร์ พระราม 4 และตามแผน 3 ปี จะเปิด “ศูนย์เลสิก” เพิ่มเติมใน 3 โรงพยาบาลในเครือวิมุตที่กำลังจะเปิดใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลวิมุต สุขุมวิท 54, โรงพยาบาลวิมุต ปิ่นเกล้า และ Wellness building ที่โรงแรมซอยสุขุมวิท 18
กลุ่มลูกค้าหลักของ “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต” เป็นคนไทย 80% และอีก 20% เป็นชาวต่างชาติ โดยส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งนิยมเดินทางมารักษาพยาบาลที่ประเทศไทย
อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลวิมุตเล็งเห็นโอกาสเติบโตของธุรกิจเลสิก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ที่เริ่มเข้ามาใช้บริการศัลยกรรมความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง ทำฟัน ทำเลสิก และดูแลผิวพรรณ
จากรายงาน World Report on Vision 2022 ขององค์การอนามัยโลก ประชากรโลกกว่า 2.2 พันล้านคนประสบปัญหาสายตา และคาดการณ์ว่าในปี 2050 ประชากรโลก 50% หรือ 3.5 พันล้านคน จะมีปัญหาสายตาสั้น สาเหตุมาจากคนไทยติดจอจนเกิดภาวะ "คอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม" ส่งผลให้จำนวนคนไข้สายตาสั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและวัยทำงาน
ปัจจุบันคนนิยมทำเลสิกมากขึ้น เพราะสะดวกกว่าการใส่แว่นและคอนแทคเลนส์ มองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ ️ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ตลาดเลสิกไทยแข่งขันคึกคัก มีผู้เล่นราว 30 รายทั้งศูนย์เลสิกในคลินิกและโรงพยาบาล เทคโนโลยีการรักษาเทียบเท่าตะวันตก ดึงดูดคนไข้ต่างชาติเข้ามาใช้บริการ โดยโรงพยาบาลวิมุต ตั้งเป้าปีแรก 1,000 เคส มุ่งเป็น Top 10 ศูนย์เลสิกในประเทศไทย