จากเหตุการณ์ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลในโรงงานผลิตน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าใกล้สถานที่เกิดเหตุเป็นระยะระยะทาง 1 กิโลเมตรนั้น กระทรวงสาธารณสุข โดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้กรมการแพทย์ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่ประชาชน
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ก๊าซแอมโมเนียส่งผลต่อร่างกายพบอาการเฉียบพลัน ได้แก่
อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วยเพื่อความปลอดภัย
ด้านนายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า
ข้อแนะนำในการปฐมพยาบาล การสูดดมแอมโมเนียเข้าไป ได้แก่
1. รีบนําผู้ประสบเหตุออกจากที่เกิดเหตุไปอยู่บริเวณเหนือลม และมีอากาศถ่ายเท สะดวกโดยเร็วที่สุด
2. ตรวจสอบการหายใจและการเต้นของหัวใจ
3. ถ้ายังหายใจ ให้คลายเสื้อผ้าให้หลวม ปลดเข็มขัดหรือเสื้อชั้นใน ถ้ามีเหงื่อออก ให้เช็ดตัว ถ้ารู้สึกตัวให้ดื่มนํ้าหรือเครื่องดื่มเย็นๆ ถ้าหายใจขัดควรให้ออกซิเจน แต่ถ้าหยุดหายใจต้องช่วยผายปอดจนกว่าจะหายใจสะดวก ห้ามใช้วิธีผายปอด ด้วยวิธีเปาปาก
4.หากผู้ประสบเหตุหายใจเอาสารแอมโมเนียเข้าไป ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิด มีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว (One-way valve) หากการสัมผัสทางผิวหนัง ควรถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับออกให้หมด ล้างด้วยนํ้าให้มาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที ล้างบริเวณที่สัมผัสถูกสารด้วยนํ้าที่ไหลผ่านจํานวนมากจนแน่ใจว่าออกหมด
กรณีการรับสารทางปาก ให้ดื่มนํ้ามาก ๆ ห้ามทําให้อาเจียน ถ้าหมดสติ ควรจัดให้นอนหงายราบเอียงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งสังเกตการหายใจ และจับชีพจรที่คอ หรือขาหนีบ ถ้าหยุดหายใจต้องทําการปั้มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต และรีบนําส่งโรงพยาบาลทันที
หากสารเข้าดวงตา ควรตะแคงเอียงหน้าเอาคอนแทคเลนส์ออก (ถ้ามี) แล้วล้างตาด้วยนํ้าสะอาดจํานวนมากจากหัวตามาหางตาจนกว่า จะไม่เคืองตา ห้ามขยี้ตา ควรล้างนํ้าอย่างน้อย 30 นาที แล้วรีบนําส่งโรงพยาบาลทันทีเช่นกัน สำหรับวิธีการรักษา เป็นการรักษาตามอาการและไม่มียาต้านพิษเฉพาะ
นายแพทย์กิติพงษ์ พนมยงค์ หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์มีสถาบันอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ที่พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนที่ประสบเหตุและประชาชนในพื่นที่โดยรอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเกี่ยวกับสุขภาพที่ถูกต้อง