นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ประสาทศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เกิดจากการหลอดเลือดสมองมีการอุดตัน ตีบ หรือแตก ส่งผลให้สมองบริเวณดังกล่าวเกิดการบาดเจ็บหรือขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้เซลล์สมองเสียหาย
ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการ เช่น ปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว พูดไม่ชัดหรือพูดไม่ได้ แขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก หรือเดินเซ มักเกิดในผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง
สำหรับ 4 สาเหตุผู้สูงอายุมักเกิดหลอดเลือดสมองแตกในห้องน้ำ
1. ขณะอาบน้ำเย็นทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้น จนหลอดเลือดในสมองแตก หรือเมื่อความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลอดเลือดตอบสนองด้วยการหดตัว จากหลอดเลือดที่เคยตีบอยู่ก็กลายเป็นหลอดเลือดตัน ส่งผลให้สมองขาดเลือดเป็นเหตุให้ล้มในห้องน้ำและอาจกลายเป็นอัมพาต
2. ปรับเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็ว เช่น รีบลุกออกจากที่นอนเปลี่ยนท่านั่งเป็นท่ายืนเร็วเกินไป ส่งผลให้ความดันโลหิตในสมองสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอาจทำให้หลอดเลือดในสมองแตก
3. การเบ่งถ่ายในห้องน้ำ หรืออาการอื่น ๆ เช่น การไอ การจาม จะทำให้แรงดันในสมองสูงขึ้นไปถึง 10 เท่า
4. คนที่มีโรคประจำตัวความดันโลหิตอาจจะต้องคอยสังเกตอาการตัวเอง เพราะว่าต้องกินยารักษาโรคความดันทุกเช้า แต่ยาความดันโลหิตมักออกฤทธิ์ระยะสั้น ส่งผลให้ยาอาจหมดฤทธิ์ในช่วงเย็น จึงเป็นจุดอ่อนทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและอาจก่อให้เกิดอาการ หลอดเลือดสมองโดยไม่รู้ตัว
วิธีป้องกันหลอดเลือดสมองแตกในห้องน้ำ สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ควรระมัดระวังในการปรับเปลี่ยนอิริยาบถ
โดยควรลุกขึ้นยืนช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป และควรหลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด และควรดูแลสุขภาพจิตให้แข็งแรงหลีกเลี่ยงความเครียด ความวิตกกังวล และหากพบตัวเองหรือบุคคลใกล้ชิดมีอาการเข้าข่ายโรคหลอดเลือดสมองควรรีบมาโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที