แพทย์หญิงภัทรพร ภัทรากร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ให้ข้อมูลว่า การท่องเที่ยวและทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาโดยไม่รู้ตัว อาทิ ผิวคล้ำเสียจากแสงแดด ผิวอ่อนล้าอิดโรย ผิวแห้งขาดน้ำ สิว บางครั้งเพียงการล้างหน้าและทาครีมบำรุงก็อาจไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูสภาพผิวได้
การใช้มาส์กที่มีคุณสมบัติพิเศษจึงเป็นวิธีบำรุงผิวที่ง่ายและรวดเร็ว ช่วยดูแลปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพกว่าการบำรุงทั่วๆ ไป เรียกได้ว่าเป็นการบำรุงขั้นพิเศษ (Special Care) เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวของเรา ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีมาส์กให้เลือกใช้หลากหลายชนิด การเลือกใช้มาส์กที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิวก็จะช่วยให้มาส์กสามารถทำงานและได้ผลลัพธ์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
• ผิวมัน มักเกิดการอุดตันของรูขุมขน โดยก่อให้เกิดปัญหาผดผื่นและสิวตามมา ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนธรรมชาติ เพื่อดูดซับความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกตกค้าง และช่วยกระชับรูขุมขนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิว และบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น อาทิ สารสกัดจากแตงกวา, กุหลาบ และน้ำมันรำข้าว
• ผิวแห้งขาดน้ำ ควรเลือกใช้มาส์กที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยปลอบประโลมผิวให้แข็งแรงและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างยาวนาน อาทิ สารสกัดจากชาเขียวออร์แกนิคที่, สารสกัดจากสับปะรดออร์แกนิค, สารสกัดจากทรีฮาโลส (Trehalose) เติมเต็มความชุ่มชื้น หรืออาจใช้ Sleeping mask หรือ Overnight mask โดยพอกทิ้งไว้ทั้งคืนและล้างออกในตอนเช้า
• ผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกใช้มาส์กที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติจากใบชิโซะ อโลเวล่า แตงกวา หรือดอกคาโมมายล์
• ผิวที่มีปัญหาผิวหมองคลํ้า หรือจุดด่างดำ ควรเลือกมาส์กที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูความกระจ่างใสของผิว มีส่วนผสมของสารสกัดจากผลองุ่น สารสกัดจากรากต้นหม่อน รวมถึงมาส์กมีส่วนผสมของวิตามิน ซี และสาร AHA เพื่อกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว และปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ
• ผิวที่มีปัญหาริ้วรอย ควรเลือกมาส์กที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูความแข็งแรงของเซลล์ผิวจำพวกเปปไทด์, โคคิวเท็น, คอลลาเจน, เชียร์บัตเตอร์, ชาเขียว และอะโวคาโด ซึ่งส่วนผสมดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย โดยใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
เคล็ดลับการมาส์กหน้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรเริ่มจากกการทำความสะอาดผิว หากแต่งหน้าควรเช็ดเครื่องสำอางออกด้วยคลีนซิ่ง วอเตอร์ (Cleansing water) แล้วล้างตามด้วยผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดหน้าอย่างเฟเชียล คลีนเซอร์ (Facial cleanser) หรือเฟส วอช (Face wash) จากนั้นซับหน้าพอหมาดๆ แล้วมาส์กหน้าได้เลย โดยไม่ต้องรอให้แห้ง
เพราะหากผิวแห้งแล้วจะทำให้การดูดซึมสารบำรุงต่างๆ จากตัวมาส์กลดลง สำหรับผิวปกติถึงผิวมัน สามารถใช้ผ้าขนหนูซับน้ำอุ่นโปะลงบนผิวเพื่อเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่แนะนำวิธีนี้สำหรับคนที่มีสภาพผิวแห้ง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งเพิ่มขึ้นได้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการมาส์กหน้าอยู่ที่ 15-20 นาที หากทิ้งมาส์กไว้เกินเวลาจนมาส์กเริ่มแห้ง จะเกิดกระบวนการออสโมซิส โดยจะดูดความชุ่มชื้นออกจากผิวหน้ากลับคืนไปสู่แผ่นมาส์กแทน
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,985 วันที่ 21 - 24 เมษายน พ.ศ. 2567