สธ. เดินหน้าป้องกัน คัดกรอง HIV ตั้งเป้ายุติเอดส์ภายใน 6 ปี

23 เม.ย. 2567 | 03:50 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2567 | 03:52 น.

สาธารณสุข ไฟเขียว 3 มาตรการป้องกันเอชไอวี-โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สนับสนุนการเข้าถึงถุงยางอนามัยโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ตรวจคัดกรองเอชไอวีเชิงรุก ตั้งเป้ายุติเอดส์ภายในปี 2573

ในการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ (คช.ปอ.) ครั้งที่ 1/2567 ที่มีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ได้เสนอนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนงานเชิงรุกเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยมีมติเห็นชอบในหลักการสำคัญ 3 เรื่องด้วยกัน

ทั้งนี้ นายแพทย์ชลน่าน ในฐานะประธานการประชุมฯ กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาว่า ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะโรคซิฟิลิส ที่พบอัตราป่วยในปี 2566 เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจากปี 2561 จาก 11 เป็น 28.1 ต่อประชากรแสนคน และเพิ่มขึ้น 3 เท่าในกลุ่มเยาวชน จาก 27.9 เป็น 91.2 ต่อประชากรแสนคน

สาเหตุหลักมาจากการไม่ใช้ถุงยางอนามัยซึ่งจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี จึงต้องช่วยกันรณรงค์ให้เกิดความตระหนักในการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

 

ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้เสนอนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนงานเชิงรุกเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีมติเห็นชอบในหลักการ 3 เรื่อง ดังนี้

1. ให้หน่วยงานด้านการศึกษาทุกสังกัดร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ภาคีเครือข่าย และองค์กรภาคประชาสังคม เร่งรัดสื่อสารให้ความรู้เรื่องเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมต้น

2. ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน เช่น สถานศึกษา สถานประกอบการ สนับสนุนให้ทุกหน่วยงานมีจุดกระจายถุงยางอนามัยฟรีและให้มีชุดบริการป้องกันแบบรอบด้าน ได้แก่

  • การให้ข้อมูลด้านสุขภาพ
  • สนับสนุนถุงยางอนามัย
  • ยาป้องกันก่อนและหลังสัมผัสเชื้อเอชไอวี
  • จัดบริการฮอร์โมน
  • ตรวจคัดกรองและรักษา เอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี
  • บริการให้คำปรึกษาและดูแล รักษาสุขภาพจิต

โดย สปสช. สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงถุงยางอนามัยได้ โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเป็นรายบุคคล รวมถึงสนับสนุนเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน ตลอดจนเครือข่ายเยาวชนอื่น ๆ จัดกิจกรรมเรื่องการป้องกันเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แก่เพื่อนเยาวชน

3. ให้กระทรวงสาธารณสุข และสปสช. จัดให้มีบริการตรวจคัดกรองเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เชิงรุกในประชาชน และจัดให้มีระบบบริการประชาชน ที่ต้องการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง รวมถึงจัดให้มีจุดบริการที่เป็นมิตรสำหรับประชาชนในทุกจังหวัด และมอบหมายกรมควบคุมโรคร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำชุดบริการรอบด้าน พร้อมส่งเสริมให้มีการจัดบริการในทุกจังหวัด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ครอบคลุมทุกพื้นที่

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมเดินหน้าร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อขับเคลื่อนงานป้องกัน ตรวจคัดกรองเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงบริการประชาชนทุกคน ให้ได้รับบริการด้านการป้องกัน ดูแลรักษาที่มีมาตรฐานและปลอดภัย อย่างเท่าเทียมโดยปราศจากการตีตราและเลือกปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่การยุติเอดส์ภายในปี 2573