ประเทศไทยมีอากาศร้อนโดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนนี้ซึ่งส่งผลกระทบทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดย นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า อากาศที่ร้อนจะทำให้คนเรามีความเครียดเนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังการในการปรับตัว ในช่วงอากาศร้อนกลางวันยาวนานกว่ากลางคืนอาจจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเมลาโตนินได้ช้าลงทำให้ไม่รู้สึกง่วง
นอกจากนี้อากาศที่ร้อนอาจจะทำให้นอนไม่หลับทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอเกิดอาการหงุดหงิดอ่อนล้าได้ง่าย อากาศร้อนยังส่งผลให้เกิดความเครียดหงุดหงิดควบคุมอารมณ์ได้น้อยลงด้วย โดยเฉพาะประชาชนบางกลุ่มอากาศที่ร้อนอาจจะมีผลต่อปัญหาสุขภาพจิตได้มากกว่าคนปกติ
1.คนที่มีโรคเรื้อรัง โรคประจำตัว อากาศร้อนอาจจะทำให้อาการเจ็บป่วยแย่ลงส่งผลให้เกิดความเครียดได้
2.กลุ่มผู้ป่วยสมองเสื่อมอาจทำให้อาการแย่ลงจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้
3.ผู้ที่มีความเปราะบางทางด้านเศรษฐกิจอาจจะมีปัญหาที่อยู่อาศัยที่ร้อนอบอ้าวมากเกิน ขาดอุปกรณ์ที่ช่วยบรรเทาอากาศร้อน และขาดโอกาสเข้าถึงการบริการทางการแพทย์
4.ผู้ที่ป่วยทางด้านจิตเวช ยาทางจิตเวชที่รับประทานอยู่อาจส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย นอกจากนี้ อากาศที่ร้อนอาจทำให้อาการจิตเวชกำเริบได้จากการแปรปรวนของสารสื่อประสาท
5.ผู้ป่วยตั้งครรภ์อาจจะมีปัญหาแทรกซ้อนทางด้านการตั้งครรภ์ได้
6.ผู้ที่ดื่มเครื่องแอลกอฮอล์และสารเสพติดอาจจะมีปัญหาการปรับตัวในช่วงอากาศร้อน ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงอากาศร้อนอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องการเสียเหงื่อและเกลือแร่ได้เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัวมากเกินไป
ด้าน นพ.จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้คำแนะนำถึงวิธีรับมือปัญหาทางด้านสุขภาพกายและใจที่เกิดจากสภาพอากาศร้อนนั้นสามารถทำได้ ดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดหรืออยู่ท่ามกลางอากาศที่ร้อนสูงโดยเฉพาะเวลา 11.00-15.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่แดดร้อนสุดของวัน สวมใส่เสื้อผ้าที่สบายอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก สวมหมวก กางร่มใช้ครีมกันแดดเมื่อออกสู่ที่แจ้ง
2.ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานานนานควรดื่มน้ำให้มากเพียงพอต่อวัน
3.รู้วิธีจัดการอารมณ์และความเครียด
4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ปรับสภาพห้องนอน ที่นอนให้มีอากาศเย็นหรือโล่งโปร่งสบาย
5.รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดร้อนหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพราะยิ่งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำและหากมีโอกาสให้เวลากับการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือเดินพักผ่อนตามห้าง ร้านค้าที่ติดแอร์ ซึ่งถือว่า เป็นการได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะแอลกอฮอล์จะดูดซึมผ่านสู่กระแสเลือดได้เร็วและทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าช่วงที่มีอากาศปกติ แอลกอฮอล์ยังทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรงอาจทำให้ช็อคหมดสติและมีโอกาสเสียชีวิตได้