นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) กล่าวว่า ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการสร้างฐานของ New Growth จากนวัตกรรมสินค้า Health and Wellness ต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่ง ผ่านความร่วมมือพันธมิตรควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG)
โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต Double-Digit และมีแผนออกผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness) ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆนี้ และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เพราะสินค้าของบริษัทฯให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา และแผนการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภค
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Cafe ทั้งร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย ร้าน 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับธุรกิจ License Business ในปี 2567 จะมีคาแรคเตอร์ตัวใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน License Business ของบริษัทฯ มีทั้งคาแรคเตอร์ต่างประเทศ และคาแรคเตอร์ของไทย เช่น หมาจ๋า , Warbie Yama , Line Creators เป็นต้น หลังจากปีก่อนได้รับลิขสิทธิ์เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์ และทำการตลาดในประเทศไทย สำหรับ “Bellygom” หมีสีชมพูสุดคิวท์ตัวแรกจากประเทศเกาหลีเป็นระยะเวลา 4 ปี
ในส่วนของบริษัท เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) ที่เป็นบริษัท ซึ่งมีแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย รับกระแส Health and Wellness ที่กำลังมาแรง
นายชัชชวี กล่าวว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 26 เมษายน 2567 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 (มกราคม-ธันวาคม 2566) เป็นเงินสดในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่ลงทุนในบริษัทฯและพร้อมก้าวเดินไปด้วยกันในอนาคต
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตามแผนงานที่วางไว้ โดยบริษัทฯมีรายได้รวม 1,715.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.67% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,536.37 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 221.69 ล้านบาท
นายชัชชวี กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้มีการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner อย่างต่อเนื่อง และมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C รองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย