นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้าร่วม ที่กระทรวงสาธารณสุข
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับเครื่องมือการดำเนินงาน ก็คือ กฎหมาย หรือ กฎกระทรวง ซึ่งถ้าถึงเวลาที่ต้องทำ แต่ไม่ทำ ก็จะส่งผลให้งานส่วนรวมไปไม่ได้ และจะเกิดความเสียหาย ดังนั้น การดำเนินงาน หากต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ก็ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ที่กำหนดให้ทำกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับเรื่องแอลกอฮอล์ภายใน 2 ปีด้วย
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติม เรื่องการขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า เรามีจุดยืนอยู่แล้ว โดยต้องดูสถิติตัวเลข ดูกฎหมาย เพราะต้องทำให้ได้ทุกมุม เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีผู้ได้รับผลกระทบ ดังนั้น เราจะพยายามไม่ขัดผู้คน หรือ ให้เกิดความเสียหายมากนัก แต่ยอมรับว่า ก็ต้องเจ็บกันคนละเล็กน้อย พร้อมขอย้ำว่า เราไม่สนับสนุนเรื่องขยายเวลาอยู่แล้ว และเรื่องนี้ไม่ได้จบที่กระทรวงสาธารณสุข เพราะมีร่างกฎหมายถึง 5 ฉบับ ที่ต้องพิจารณากันในสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่ นพ.ธงชัย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังได้มีการรับทราบรายงานสรุปผลการขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งพบว่า มีผู้เสียชีวิต และอุบัติเหตุ เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลา 02.00-06.00 น. แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาว่า จะขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่อื่นหรือไม่
รวมถึงยังได้มีการพิจารณาให้วันวิสาขบูชา งดดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันรณรงค์ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการติดตามกฎหมายอนุบัญญัติ ที่ค้าง 2 ฉบับ โดยต้องเร่งรัดให้แล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนการรับฟังความคิดเห็นการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงแรกของการรับฟังความคิดเห็น คนที่เห็นว่า ไม่ควรนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด มีสูงกว่า แต่ผลการรับฟังความคิดเห็นล่าสุดนั้น ตนยังไม่ทราบ พร้อมขอยืนยันว่า จะไม่มีการรณรงค์รับฟังความคิดเห็นแล้ว เพราะจะได้ไม่เกิดความขัดแย้ง โดยจะรอฟังผลสรุปความคิดเห็นอย่างเดียว เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย จึงขอให้ฟังเสียงส่วนใหญ่