นายธนชัย ชัยกิตติวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมูทอี บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางสกัดจากธรรมชาติ “สมูทอี” กล่าวว่า ในปี 2566 สมูทอีมีรายได้รวมโดยประมาณ 800 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท โดยทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาทมากกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับการตลาดของผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่ม และจะจับกลุ่มลูกค้า Gen Z สร้างการเติบโตของลูกค้ากลุ่มนี้ให้เพิ่มขึ้น 30% ภายใน 5 ปี เพราะลูกค้ามักมีความกล้าลอง โดยเฉพาะหัตถการทางการแพทย์ มีความต้องการเรื่องความสวยความงาม อีกทั้งส่วนใหญ่จะมีสะภาพผิวที่ต้องการความอ่อนโยนมากขึ้น
“เรายังคงเน้นลูกค้าในประเทศเป็นหลัก มีต่างประเทศเพียง 15% ซึ่งกลยุทธ์จะแตกต่างจากปีที่ผ่านมา ไม่เน้นการแข่งขันทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์แต่จะเน้นเพียงบางส่วนที่เราทำตลาดอยู่ เรามี DNA ชาเลนจ์ผู้บริโภคที่แตกต่างจากในอดีต สร้างโฆษณาให้ความรู้จริง เน้นย้ำความเป็นจริงผ่านมีเดีย โดยมียอดขายอันดับ 1 ในร้านขายยาและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วประเทศมายาวนานกว่า 32 ปี เป็นแบรนด์ไทยที่โดดเด่นในเรื่องเวชสำอาง”
สำหรับผลิตภัณฑ์ ได้พัฒนานวัตกรรมและบรรจุภัณฑ์ให้มีความสดใส โมเดิร์น เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัย เข้าใจเทรนด์และเข้าถึงได้ รวมทั้งปรับ Brand Communication เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้ง Offline และ Online เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ตลอดจนสอดแทรกการสร้างความรู้การดูแลผิวหน้าที่ถูกต้อง ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสิว (Smooth E Acne) ก็ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ภาพรวมสมูทอีเติบโตดับเบิลดิจิต (Double-Digit) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่ผ่านมา แบ่งสัดส่วนการเติบโตเป็นกลุ่มโฟมล้างหน้า และ Smooth E Acne เติบโตขึ้น 15% ส่วนของ Smooth E Sun care เติบโต 10%
นายธนชัย กล่าวว่า จากการศึกษาพฤติกรรม GEN Z จะโฟกัสผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วเห็นผลเร็ว มีประสิทธิภาพ ซึ่งสมูทอีสามารถตอบโจทย์นี้ ทั้งยังมีราคาจับต้องได้ และในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคจะใช้สกิลแคร์มากขึ้นและสมูทอีจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยมี 4 กลยุทธ์ คือ
สำหรับทิศทางครึ่งปีหลังของปี 2567 จะโฟกัสไปยังกลุ่มสินค้าสำคัญ คือ คลีนซิ่งและมอยเจอร์ไรเซอร์ ครีมลดริ้วรอย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญของสมูทอีที่ลูกค้ารู้จักกันดี โฟกัสกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น หาช่องว่างทางการตลาดใหม่ และ มองดูกลยุทธ์ที่จะเข้ามาซัพพอร์ตแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
"ภาพรวมกลุ่มตลาดเติบโตขึ้นประมาณ 12% ต่อปี และผู้บริโภคก็ต้องการทดลองสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งสมูทอีเราบอกตัวเองว่าเราเป็นเวชสำอาง มีมาตรฐานในราคาที่จับต้องได้ ส่วนโปรดักส์อื่นๆ ก็พัฒนาขึ้นมาสำหรับแก้ปัญหาที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอย่างครอบคลุม โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 15% ในปีนี้"
นอกจากนี้ นางสาวศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การเข้าถึง Gen Z จะอยู่ในกลุ่มนักศึกษา นักเรียน วัยทำงานตอนต้น และปัญหาที่พบกว่า 70% คือ เรื่องผิวหน้ามันและเป็นสิว ซึ่งผู้บริโภคส่วนมากต้องการเห็นผลไวเห็นผลทันใจ สมูทอีจึงจัดแคมเปญ “Smooth E Mobile Clinic” สร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ควบคู่กับการสร้างประสบการณ์จริง เชิงบวก ให้ได้เกิดการทดลองใช้สินค้าได้จริงในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ตอกย้ำคุณค่าและจุดแข็งของแบรนด์ในเรื่องของผลิตภัณฑ์เวชสำอางสกัดจากธรรมชาติ นำผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังลงพื้นที่ตรวจสุขภาพผิวครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยเครื่องวิเคราะห์สภาพผิวหน้าที่สามารถดูสภาพผิวทั้งผิวหนังชั้นบนและชั้นที่ลึกลงไป เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและให้คำแนะนำเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับผิวเฉพาะบุคคล
โดยตั้งเป้าเจาะใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี สงขลา ฯลฯ นอกจากนี้ยังแจกสินค้าตัวอย่างให้กลับไปทดลองใช้ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าและครีมบำรุง และกลุ่ม Anti-Aging
"เราคาดหวังให้ผู้บริโภคเข้าใจปัญหาผิวที่แท้จริง ว่าปัญหาผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน ไม่ใช่แค่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ตามเทรนด์ สามารถดูแลรักษาได้ถูกจุด ใช้ผลิตภัณฑ์ตรงตามสภาพผิว ซึ่งเป้าหมายของเราอยากลงพื้นที่ให้ได้ 100 จุด ครอบคลุมทั่วประเทศ"