สิวผู้สูงอายุ ภัยเงียบที่มาพร้อมวัยเกษียณ 

14 ส.ค. 2567 | 20:00 น.

กรมการแพทย์ เปิดตัวเลข 6% ของผู้ที่มีอายุ 50 ขึ้นไปเสี่ยงเป็น สิวผู้สูงอายุ พบมากในชายผิวขาว เปิดสาเหตุและวิธีรักษาพร้อมการป้องกันง่าย ๆ ด้วยตัวเอง   

สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับ สิวในผู้สูงอายุ ซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวเหลืองเล็ก ๆ หรือสีดำ ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแดดสะสม เช่น ใต้ตา และโหนกแก้ม เกิดในวัยกลางคนถึงวัยผู้สูงอายุ การใช้ครีมกันแดด หลีกเลี่ยงแสงแดด เช่น กิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะในช่วงแดดจัดตอนกลางวัน หลีกเลี่ยงและหยุดการสูบบุหรี่ จะช่วยป้องกันการเกิดภาวะนี้ได้

สิวผู้สูงอายุ พบมากในเพศชาย

นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สิวในผู้สูงอายุ พบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และพบบ่อยในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำโดยพบประมาณ 6% ของประชากรที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ก็มีรายงานว่า สามารถพบในช่วงอายุอื่นได้เช่นกัน

ในปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกการเกิดโรคที่ชัดเจนแต่ปัจจัยสนับสนุนที่เป็นไปได้ ได้แก่ การโดนแสงแดดสะสมเป็นระยะเวลานาน และการสูบบุหรี่จัด โดยเนื้อเยื่อบริเวณผิวหนังรอบ ๆ จะถูกทำลายหรือทำให้เสื่อมจากแสงแดดหรือบุหรี่ ส่งผลให้รูขุมขนขยายออกกว้าง ต่อมไขมันเกิดการฝ่อตัว

ร่วมกับมีการอุดตันของแบคทีเรีย เช่น Propionibacterium acnes, Corynebacterium acnes, Staphylococcus albus และยีสต์กลุ่ม Malassezia เป็นต้น รวมถึงเส้นขนเล็ก ๆ ในต่อมไขมัน และในรูขุมขน จึงทำให้มีลักษณะคล้ายสิวอุดตัน

แนวทางการรักษา สิวในผู้สูงวัย 

แพทย์หญิงนัทยา วรวุทธินนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของการรักษาว่า การรักษาที่ดีที่สุด คือ การใช้ยาร่วมกับวิธีการทางศัลยกรรม ได้แก่

1.การใช้ยาทา โดยทากรดวิตามินเอเพื่อละลายหัวสิวซึ่งช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดด และการใช้ครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้นป้องกันผิวแห้งจากกรดวิตามินเอ

2.การรับประทานยา ในกลุ่มวิตามินเอ (Isotretinoin) ร่วมกับการทากรดวิตามินเอ พบว่า ได้ผลดีแต่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจการทำงานของตับและไขมันก่อนเริ่มรับประทานยา และระหว่างการรับประทานยา เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง คือ การทำงานของตับผิดปกติ และระดับไขมันในเลือดสูง

3.วิธีการทางศัลยกรรม ได้แก่ การกดสิว, การขูดออก, การตัดออกด้วยวิธีผ่าตัด, การทำเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อเปิดชั้นผิวหนังด้านบน และตามด้วยการกดหัวสิวออกซึ่งการรักษาจะได้ผลดีมากในคนผิวขาว

4.ไม่ควรบีบแกะสิว หรือเจาะสิวด้วยตนเอง

5.ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และใช้สบู่อ่อนๆหรือคลีนเซอร์ วันละ 2 ครั้ง

6.อาการของโรคจะดีขึ้นหากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงปัจจัยการกระตุ้น