“THE KLINIQUE” เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ จับมือพันธมิตรรุกตลาดความงามกลุ่ม Gen Z

13 พ.ย. 2567 | 22:00 น.

“THE KLINIQUE” เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ จับมือพันธมิตรจัดแคมเปญ “หมอไหน” รุกตลาดความงามเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่ม Gen Z คาดปี 67 รายได้ 2,900-3,000 ล้านบาท

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ภาพรวมธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของประเทศไทยในปี 2566 มีมูลค่าตลาดประมาณ 7.1-7.2 หมื่นล้านบาท และ SCB EIC คาดว่ามูลค่าธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงปี 2565-2573 ประมาณ 10% แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. กลุ่มหัตถการความงาม (Non-Surgical) 75% เช่น ช่น การฉีดฟิลเลอร์ การร้อยไหม การเลเซอร์ โดยผู้ใช้บริการในกลุ่มผู้ชายและ Gen Z มีแนวโน้มสูงขึ้น
  2. กลุ่มศัลยกรรมความงามแบบผ่าตัด (Surgical) 25% เช่น ทำตา ทำจมูก ดูไขมัน ทำหน้าอก แนวโน้มผู้ใช้บริการอยู่กลุ่ม Gen Z และ LGBTQIA+ และผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ยังคงทำศัลยกรรมมากกว่า 1 ประเภท คิดเป็น 65% ของผู้ที่เคยทำศัลยกรรม

“THE KLINIQUE” เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ จับมือพันธมิตรรุกตลาดความงามกลุ่ม Gen Z

"ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก ติดอันดับ 1 ใน 5 ศูนย์กลางการแพทย์ความงามรองจากสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีน และ บราซิล แม้ว่าทิศทางของผู้บริโภคคนไทยจะมีแนวโน้มจะลดลง แต่รายได้เฉลี่ยของประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มประชากรในเมือง (Urban residents) โดยเฉพาะผู้บริโภคคนรุ่นใหม่กลุ่ม Gen Z  นอกจากนี้ภาครัฐยังผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก มีนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่จะดึงดูดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพื่อรับบริการศัลยกรรมและเสริมความงามมากขึ้น"

ปัจจุบัน คลินิกผู้ให้บริการด้านความงามในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 4,000 ราย มากกว่า 1 หมื่นสาขา กระจายทั่วอยู่ทั่วประเทศ และ 20 อันดับแบรนด์ใหญ่ที่มีมากกว่า 10 สาขา ครองตลาดถึง 25% ซึ่ง THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  ปัจจุบันมี Market Share เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจคลินิกความงามแบรนด์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย เติบโตในระดับ 2 หลัก ในปี 2566 มีรายได้จากแผนกผิวหนังและความงาม 80.7% แผนกศัลยกรรมตกแต่ง 10.3% แผนกชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ 6.3% และแผนกลดน้ำหนักและดูแลรูปร่าง 2.7%

โดยในปี 2567 นี้ ได้ขยายสาขาเพิ่ม 20 สาขา รวมปัจจุบันทั้งหมด 70 สาขา ด้วยสัดส่วนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% หลังจากนี้ในปี 2568 เป็นต้นไปจะขยายสาขาเพิ่ม 10-15 สาขา/ปี เรียกได้ว่า THE KLINIQUE เติบโตสวนกระแสมากกว่า 2-3 เท่าของอุตสาหกรรม โดยการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ประกอบไปด้วย 4 กลยุทธ์

“THE KLINIQUE” เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ จับมือพันธมิตรรุกตลาดความงามกลุ่ม Gen Z

4 กลยุทธ์ที่ THE KLINIQUE 

  1. การขยายสาขา ด้วยการเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 20 สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพ ภายใต้งบลงทุน 500 ล้านบาท หรือลงทุนเฉลี่ย 25-30 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
  2. การพัฒนานวัตกรรมความงาม เน้นนวัตกรรม เทคโนโลยี และความปลอดภัย ด้วยงบลงทุน 200 ล้านบาท สำหรับการเพิ่มเครื่องมือใหม่ๆ
  3. การตลาดและการสื่อสาร มุ่งเน้นกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Omnichannel สร้างการรับรู้แบรนด์และ Engagement กับผู้บริโภค จนเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยประมาณ 85% ต่างชาติ 15% ทั้งจากประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
  4. การบริการ พัฒนาด้านบริการให้มีความเฉพาะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และใส่ใจผ่านทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 คน พร้อมพยาบาลกว่า 200 คน รวมถึงพนักงานให้บริการกว่า 1,000 คน ที่ได้รับการเทรนนิ่งพร้อมรองรับลูกค้าอย่างครบวงจร

นายแพทย์อภิรุจ กล่าวว่า จากการเฝ้าสังเกตผู้บริโภคในปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความมั่นใจและกล้าเปิดเผยในการรับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงามมากขึ้น พร้อมจะบอกต่อด้วยความภูมิใจว่าตัวเองมีวิธีการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือต้องปิดบังอีกต่อไป โดยดูได้จากข้อมูลดังนี้

●    ผู้บริโภคของ THE KLINIQUE มากกว่า 75% เป็นลูกค้าที่ยินดีให้ THE KLINIQUE ทำเคสไปรีวิวต่อในโซเชียลมีเดีย และกลุ่มลูกค้าที่เข้ารับบริการการศัลยกรรมที่ THE KLINIQUE มากกว่า 75% กลับมาทำศัลยกรรมเพิ่มในส่วนอื่น แสดงถึงความมั่นใจที่ผู้บริโภคมีต่อ THE KLINIQUE และแสดงถึงความต้องการในการศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้นด้วย

●    อายุของผู้บริโภคที่เข้ารับบริการคลินิกความงามมีแนวโน้มอายุน้อยลง แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มที่เคยทำศัลยกรรมความงามมากที่สุด คิดเป็น 35% และยังเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนของคนที่ยังไม่เคยทำ แต่มีความสนใจสูงสุดอีกด้วยเมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นอื่นๆ (ที่มา: SCB EIC)

●    คีย์เวิร์ดสูงสุด 5 อันดับแรกที่มีคนค้นหาเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามคือ  1.ทรงจมูก 2.เสริมจมูก 3.จมูก Open (โอเพ่น) 4.ทำจมูก  5.แก้จมูก

“THE KLINIQUE” เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ จับมือพันธมิตรรุกตลาดความงามกลุ่ม Gen Z

"เดอะคลีนิกค์ มุ่งให้บริการให้บริการและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย จากปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็น Gen X และ Gen Y  ในอนาคตมีแผนเพิ่มสัดส่วนโลูกค้ากลุ่ม Gen Z มากขึ้น 10-20% ตามเทรนด์ของผู้บริโภคที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ และสนใจทำหัตถการความงามเป็นกิจวัตรปกติ โดยมีฐานลูกค้าระดับไฮเอนด์กว่า 3 แสนราย เข้ามารับบริการอย่างต่อเนื่องและพร้อมจับจ่ายต่อโปรแกรมเฉลี่ย 12,000-15,000 ต่อบิล แบ่งเป็นลูกค้าคนไทย 85% ต่างชาติ 15% จากกลุ่มประเทศ CLMV จีน และตะวันออกกลาง ซึ่งมีแผนจะรับลูกค้าต่างชาติเพิ่มเป็น 20-25% ในอนาคต เพราะส่วนใหญ่จะนิยมมาใช้บริการหัตถการหลายอย่างและต่อเนื่อง ขณะที่คนไทยมักทำเฉพาะจุดไปทีละส่วน"

ทั้งนี้ นายแพทย์อภิรุจ กล่าวว่า THE KLINIQUE ยังได้ใช้กลยุทธ์ “Proud to be New” หลอมรวมมุมมองเชิงบวกของผู้บริโภคปัจจุบันที่มีต่อการศัลยกรรมความงาม เข้ากับการสร้างนวัตกรรมใหม่ในแคมเปญ “หมอไหน” เพื่อสื่อสารว่า การทำศัลยกรรมไม่ใช่จะทำกับหมอที่ไหนก็ได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของหมอผู้ชำนาญการเฉพาะเท่านั้น ผ่านบทเพลงและมิวสิควิดีโอ “หมอไหน” เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

“THE KLINIQUE” เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ จับมือพันธมิตรรุกตลาดความงามกลุ่ม Gen Z

ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของ THE KLINIQUE ที่ทำการสื่อสารรูปแบบใหม่ผ่าน Music Marketing และเป็นครั้งแรกที่คลินิกความงามจับมือกับพันธมิตรค่ายเพลงระดับโลกอย่าง Warner Music Thailand โดยมีเนื้อหาที่สะท้อนนิยามความสวยแบบใหม่ บ่งบอกถึงยุคสมัยที่ผู้บริโภคภูมิใจในการตัดสินใจกำหนดนิยามความงามได้ด้วยตัวเอง สะท้อนมุมมองที่มีต่อการทำหัตถการและศัลยกรรม ให้ผู้บริโภคกล้าเปิดเผยและมั่นใจ ช่วยทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น 

"เราให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์เป็นอย่างยิ่งทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 คน ที่ได้รับการเทรนอย่างเข้มข้นทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังทำคอนเทนต์ให้ความรู้จากทีมแพทย์ของ THE KLINIQUE ให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องจากแพทย์ผู้ชำนาญการ สร้างความรู้สึกคุ้นเคยและไว้วางใจก่อนการเข้ารับบริการ 

“เป้าหมายของ THE KLINIQUE คือการไม่หยุดพัฒนาและมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อความงามมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและสามารถดูดีขึ้นในแบบที่ตัวเองต้องการ ซึ่งในปี 2567 คาดว่าจะมีผลประกอบการประมาณ 2,900-3,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10%”