จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ก.พ.2565 ได้มีการพิจารณาวาระของกระทรวงมหาดไทย ถึงผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่า รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยทั้ง 7 คน ได้ยื่นใบลาไม่ขอเข้าร่วมประชุมด้วย มีเพียงน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คนเดียวที่เข้าร่วมประชุม
สุดท้ายที่ประชุมครม.. ก็ยังไม่ได้เห็นชอบเรื่องนี้ ก่อนให้กระทรวงมหาดไทย รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปหาข้อสรุปโดยเร็ว
เบื้องหลังของเรื่องนี้ มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะก่อนการประชุมเพียง 1 วัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จัดทำหนังสือด่วนที่สุดเป็นความเห็นประกอบการพิจารณาผ่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 7 ก.พ. 2565 ระบุว่า
กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมของกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้ว ขอยืนยัน ตามความเห็นเดิมว่า ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของ กทม. เนื่องจากข้อมูลที่ กทม. จัดทำเพิ่มเติมนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในข้อเท็จจริงที่ทำให้การวิเคราะห์ของกระทรวงคมนาคมแตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะในประเด็นของการคำนวณอัตราค่าโดยสาร การรองรับระบบตั๋วร่วม และความชัดเจนของประเด็นข้อกฎหมาย
นอกจากนี้ในปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ยังคงเป็นหน่วยงานเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสิ่งก่อสร้างและที่ดินตลอดแนวโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 ช่วง ถือเป็นสาระสำคัญที่ไม่อาจเห็นด้วยต่อแนวทางการดำเนินการตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย นอกเหนือจากประเด็นอื่น ๆ ที่กระทรวงคมนาคมได้เคย น่าเสนอและแจ้งยืนยันในครั้งนี้
กระทรวงคมนาคม ยังขอให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีที่ กทม. รายงานว่าการโอนกรรมสิทธิ์ยังไม่สมบูรณ์เนื่องจาก รฟม. ยังไม่สรุปรายละเอียดด้านการเงินช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ทำให้ไม่สามารถรับโอนโครงการได้ กระทรวงคมนาคมขอรายงานข้อเท็จจริงว่า กทม. รฟม. สำนักงบประมาณ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกระทรวงคมนาคม ได้ประชุมเพื่อหารือสรุปรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการ ช่วงหมอชิต สะพานใหม่-คูคต ร่วมกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2563
แต่ยังมีประเด็นเกี่ยวกับแนวทาง การดำเนินการตามเงื่อนไขการอนุญาตให้เข้าพื้นที่กรณีการติดตั้งสะพานเหล็กแยกหทัยราษฎร์ และแยกพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งรอคำยืนยันจาก กทม. เนื่องจากการพิจารณากรอบวงเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จะได้ข้อสรุปมีความจำเป็นต้องทราบความชัดเจนของแนวทางการติดตั้ง สะพานเหล็กทั้ง 2 แห่ง
เพื่อประกอบการจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มีหนังสือเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2563 และวันที่ 2 พ.ย. 2564 ขอทราบผลการพิจารณาของ กทม. และปัจจุบัน กทม. ยังไม่ได้แจ้งผลการพิจารณาให้กระทรวงคมนาคมทราบ
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในวงการประชุมครม. ได้เลื่อนวาระนี้ จากปกติที่ตั้งเอาไว้ว่า เป็นวาระเพื่อพิจารณาที่ 3 เลื่อนมาพิจารณาเป็นวาระสุดท้าย เพื่อเปิดโอกาสให้หารือกันในรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งได้ใช้เวลาการหารือนานกว่า 40 นาที
โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เริ่มอธิบายเรื่องนี้ในที่ประชุม รวมทั้งมีรองปลัดกทม. เข้าร่วมชี้แจงด้วย แต่ด้วยมีเอกสารจากกระทรวงคมนาคมเสนอเข้ามาว่ามีข้อเสนอเพิ่มเติม จึงทำให้รัฐมนตรีหลายคนร่วมแสดงความเห็นกันอย่างหลากหลาย
ทั้งนี้ได้มีผู้ที่เสนอให้ถอนวาระนี้ไปก่อน คือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พูดขึ้นในครม. ว่า เรื่องนี้ถ้าไม้พร้อม ก็ให้ถอนไปก่อน แต่ทางนายสุขาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน บอกกลับว่า ไม่ถอน เพราะคสช.เดินหน้าเรื่องนี้มานานแล้ว
ทางฟากรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ 3-4 คน แจ้งในที่ประชุมครม.ทันทีว่า เรื่องนี้ควรเดินหน้าต่อ เพราะฝ่ายกฎหมาย และอัยการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว ก็ควรเดินหน้า มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาความเสียหาย โดยเฉพาะดอกเบี้ยที่จะเพิ่มสะสม โดยเฉพาะ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ระบุว่า ขอให้ที่ประชุมครม.ตัดสินใจในการประชุมครั้งนี้เลยว่าจะเอาอย่างไร
อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวสรุปให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตุกลับไปหารือสรุปโดยเร็ว โดยเฉพาะข้อคิดเห็นจากกระทรวงคมนาคม ก่อนจะพูดปิดเรื่องนี้ว่า “เอาละ เรื่องนี้วันนี้ได้รู้แล้วว่า ใครเป็นใคร” ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นั่งนิ่งไม่ให้ความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า เบื้องลึกของเรื่องนี้เป็นที่รับทราบกันอยู่แล้วว่า ผลที่จะออกมาเป็นอย่างไร นั่นคือยังไม่เห็นชอบร่างสัญญานี้ แต่ด้วยความจำเป็นส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงจำเป็นต้องเสนอเข้ามาให้ครม.พิจารณา เพราะเรื่องนี้เกิดความเสียหายกับรัฐแล้ว
อย่างไรก็ตามบรรยากาศ ภายหลังการประชุมครม.เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้พูดคุยนอกรอบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด้วยมีสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด
โดยนำเอกสารซึ่งคาดว่าเป็นรายละเอียดของโครงการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ภายหลังจากที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แต่ได้ให้ไปชี้แจงตอบคำถามกระทรวงคมนาคมให้ชัดเจนก่อนที่จะนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครม.ใหม่อีกครั้ง
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมแต่อย่างใด เพียงแต่หันมาโบกมือให้สื่อมวลชน ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปรอที่ห้องเขียว ซึ่งคาดว่าเป็นการหารือนอกรอบกับนายอาคมด้วย
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม. ว่า ณ ตอนนี้ทางกระทรวงคมนาคม ยังต้องการให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งครม. มีมติให้ไปชี้แจงเพิ่มเติมข้อมูลและเสนอกลับเข้ามาใหม่ หลังจากที่กระทรวงคมนาคมมีหนังสือทักท้วงมา 4 ข้อ ก็ต้องไปชี้แจงและนำกลับมาเสนอใหม่ โดยที่ประชุมครม.วันนี้ มีการพิจารณาวาระนี้จริงไม่ได้เป็นการถอนออกไปเพียงแค่ให้เอาข้อมูลมาเพิ่มเติม และพิจารณาในที่ประชุมครม.ครั้งต่อไป