จากกรณี ฐานเศรษฐกิจ เปิดประเด็น กรณีลูกศิษย์ “สมเด็จพระวันรัต” เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ชื่อนายเนย ซึ่งเคยได้รับการแต่งตั้งเป็น"ไวยาวัจกร" มีการยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นสมบัติของวัดบวรนิเวศวิหารกว่า 200 ล้านบาท ไปใช้ส่วนตัว
ล่าสุดมีการระบุออกมาแล้วว่า สำหรับนายเนย คือ นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ กองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือเป็นบุคคลที่ในแวดวงทั้งภายในวัดและนอกวัดต่างรู้กันดีว่า ถ้าใครต้องการจะติดต่อกับทางสมเด็จพระวันรัตจะต้องผ่านนายเนยคนนี้คนเดียวเท่านั้น
แม้ล่าสุด จะมีรายงานข่าวระบุว่า หลังจากชุดสืบสวนได้เข้าจับกุมตัวนายอภิรัตน์ และได้ทำการสอบปากคำโดยเบื้องต้น นายอภิรัตน์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างกับชุดสืบสวนว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่สมเด็จพระวันรัตมอบให้ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ได้ฉ้อโกงมาแต่อย่างใด
ทั้งนี้จากหลักฐานที่ทางวัดมอบให้กับตำรวจนั้นชัดเจนว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเพราะเป็นเงินที่ถูกโอนจากบัญชีวัดมาเข้าบัญชีส่วนตัวของ นายอภิรัตน์ ในเบื้องต้นจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้รวม 4 ข้อหา ประกอบด้วย ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และ ฟอกเงิน
ขณะเดียวกันชุดสืบสวนกองปราบฯ กำลังสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับทรัพย์ของนายเนย ร่วมกับ ป.ป.ง. เพื่อนำทรัพย์สินมาคืนวัดต่อไป
ฐานเศรษฐกิจ ได้ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจของนายอภิรัตน์ อดีตไวยาวัจกรวัดบวรนิเวศวิหาร จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่าน Creden Data พบว่า นายอภิรัตน์ ได้นั่งเป็นกรรมการบริษัท ตรีมิตรค้ำจุน จำกัด และถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ อีกหลายบริษัท มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
บริษัท ตรีมิตรค้ำจุน จำกัด
กรรมการ
ผู้ถือหุ้น
งบการเงิน นำส่งปี 2563
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบการถือหุ้นของ นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา พบว่าเข้าไปถือหุ้นจำนวน 3 บริษัท คิดเป็นมูลค่าหุ้นทั้งหมด 374,610 บาท ประกอบด้วย
1. บริษัท ตรีมิตรค้ำจุน จำกัด
2. บริษัท มาร์เวลลัส เฮลท์ 595 จำกัด
3. บริษัท สโตนเฮด กรุ๊ป จำกัด