กลายเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้าง หลัง “พิมรี่พาย” หรือ พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ แม่ค้าออนไลน์ และยูทูปเปอร์ชื่อดังที่ไลฟ์สดขายสินค้าสารพัด ไลฟ์สดขายบัตรฟุตบอล “แดงเดือดในไทย” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล กองมหึมากว่า 2 หมื่นใบ มูลค่านับ 400 ล้านบาท พร้อมอัดโปรโมชั่นลดราคา ดึงคนเข้าไปดูไลฟ์แบบถล่มทลาย
โดยการทำธุรกิจแบบใหม่ด้วยการไลฟ์สด ลดแลกแจกแถมอัดโปรโมชั่นแหลกแบบนี้ มีมาให้เห็นเรื่อย ๆ สำหรับแม่ค้าออนไลน์ชื่อดังอย่าง “พิมรี่พาย” และจากการตรวจสอบเส้นทางการทำธุรกิจของเธอนั้น ก็พบข้อมูลที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะข้อมูลการถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ
ที่ผ่านมา “ฐานเศรษฐกิจ” ได้ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่านระบบ CredenData พบข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจของ “พิมรี่พาย” นั่งเป็นกรรมการ 2 บริษัท คือ บริษัท เดอะ พิมรี่พาย จำกัด และบริษัท ไฮคลาวด์ มิวสิค จำกัด
ขณะเดียวกันยังพบด้วยว่า “พิมรี่พาย” เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทต่างๆ อย่างน้อย 8 บริษัท โดยกว่า 7 บริษัทดังกล่าว มีชื่อ “พิมรี่พาย” และ “พิมรี่” อยู่ในจดทะเบียนเป็นชื่อบริษัท โดยประกอบธุรกิจตั้งแต่ขายสินค้าอาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป นำเข้าสินค้า ขนส่งสินค้า และการโฆษณา หลากหลายครบวงจร
ส่วนข้อมูลทางด้านการเงินก็น่าสนใจไม่น้อย จากการตรวจสอบบริษัททั้ง 8 แห่ง พบว่า มีสินทรัพย์รวมกันกว่า 422 ล้านบาท และหากดูเฉพาะรายได้รวมล่าสุด ตามข้อมูลงบการเงินนำส่งปี 2564 มีรายได้อยู่ด้วยกันกว่า 776.92 ล้านบาท ซึ่งรายได้รวมเฉียด 800 ล้านบาทนี้ หลายคนคงตั้งข้อสงสัยว่า ด้วยตัวเลขนี้มีการเสียภาษีด้วยกันเท่าไหร่
“ฐานเศรษฐกิจ” รวบรวมข้อมูลงบการเงินล่าสุด พบว่าแต่ละบริษัทมีการแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ อยู่ภายใต้งบกำไรขาดทุน รวมทั้งสัดส่วนการถือหุ้น แยกเป็นรายบริษัท ดังนี้
1.บริษัท เดอะ พิมรี่พาย จำกัด
2.บริษัท พิมรี่ ฟู้ดส์ จำกัด
3.บริษัท พิมรี่ มอลล์ จำกัด
4.บริษัท พิมรี่ มีเดีย จำกัด
5.บริษัท พิมรี่ รีเทล จำกัด
6.บริษัท พิมรี่ โลจิส จำกัด
7.บริษัท พิมรี่พาย แอนด์ เฟรนด์ จำกัด
8.บริษัท ไฮคลาวด์ มิวสิค จำกัด
สรุปแล้ว ภายใต้อาณาจักรธุรกิจของ “พิมรี่พาย” ในบริษัททั้ง 8 แห่งนั้น มีการเสียภาษีเงินได้ จากบริษัทที่มีกำไร 4 แห่ง คือบริษัท พิมรี่ ฟู้ดส์ จำกัด, บริษัท พิมรี่ มอลล์ จำกัด, บริษัท พิมรี่ มีเดีย จำกัด และบริษัท พิมรี่ โลจิส จำกัด รวมกันเป็นเงินทั้งสิ้น 1.78 ล้านบาท จากรายได้รวมของ 8 บริษัทเกือบ 800 ล้านบาท