อาการปวดศีรษะ เป็นอาการเจ็บป่วยสามัญที่ทุกคนต้องเคยเป็นมาก่อน ส่วนมากผู้ป่วยมักจะเลือกใช้ยาบรรเทาอาการปวดที่มีขายตามร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วๆไป ซึ่งก็จะมีหลากหลายชนิดให้เลือก ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เช่น ยาพาราเซตามอล ไปจนถึงยาแก้ปวดที่รุนแรงขึ้น เช่น ไอบูโพรเฟ่น ซีรีเบร็ค หรือบางคนก็ใช้ยากลุ่มที่จำเพาะเจาะ ลงไปอีก เช่น ยาคาเฟอกอต ก็แล้วแต่คนจะเลือกใช้กันไป เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น บางคนใช้แล้วหายก็ไม่ได้มาพบแพทย์ บางคนหายบ้างไม่หายบ้างแต่ก็เลือกที่จะไม่มาพบแพทย์ก็มี
นพ.อุเทน บุญอรณะ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทางระบบประสาทและสมอง โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า อาการปวดหัวบางอย่างที่หากเกิดปุ๊ป ไม่ควรนิ่งนอนใจ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรจะรีบมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการทันที อาการแบบนี้ในศัพท์แพทย์จะเรียกว่า red flag sign หรืออาการปวดหัวแบบติดธงแดง วันนี้ผมจะนำเสนออาการปวดหัวกลุ่มดังกล่าวว่าอาการปวดหัวแบบไหนบ้าง ที่ไม่ควรนิ่งนอนใจครับ
1. ปวดหัวชนิดที่ไม่เหมือนเดิม : ร่างกายของเรามักจะมีนิสัยปวดหัวแบบเดิมๆ เช่น ส่วนมากปวดหัวข้างเดียวแถวๆขมับ มักจะเป็นในวันที่นอนน้อย หรืออากาศร้อน ปวดแล้วพอได้อาบน้ำสระผม หรือนอนสักหน่อยก็จะหาย ที่กล่าวมาเรียกว่า คาแรกเตอร์ของการปวดหัว คนเรามักจะมีคาแรกเตอร์ของการปวดหัวแบบเดิมๆ แต่หากวันไหน อาการปวดหัวแสดงคาแรกเตอร์แบบแปลกๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากปวดข้างเดียวเป็นปวดสองข้าง จากปวดแถวขมับเปลี่ยนเป็นกลางหน้าผาก แบบนี้ควรมาพบแพทย์
2. ปวดหัวชนิดที่ปลุกให้ตื่นกลางดึก : ปกติเวลาคนเรานอน ประสาทสัมผัสจะทื่อลง ดังนั้นจะไม่ค่อยรู้สึกถึงอาการปวดหัว แต่ถ้านอนหลับไปแล้วต้องตื่นมากลางดึกเพราะปวดหัวจนปลุกได้ แสดงว่าอาการปวดหัวนั้นไม่ธรรมดาต้องรีบมาหาหมอไม่ต้องรอจนเช้า
3. ปวดหัวชนิดที่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะอาการแขนขาอ่อนแรงขยับไม่ได้ หรือหน้าเบี้ยว : ปกติแล้วอาการปวดหัว มักจะเกิดจากสาเหตุนอกสมอง แต่อาการปวดหัวที่มีอาการผิดปกติทางสมองร่วมด้วย เช่น เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน แขนขาขยับไม่ได้ สลบหมดสติ หน้าเบี้ยวแบบนี้ เป็นอาการบ่งชี้ว่าอาการปวดนั้นน่าจะมาจากในสมอง แบบนี้ต้องรีบมาพบแพทย์ทันที
4. อาการปวดหัวที่มีมานาน และ มีแนวโน้มจะปวดมากขึ้น หรือถี่ขึ้น : อันนี้แม้ว่าจะปวดหัวด้วยคาแรกเตอร์แบบเดิมๆ แต่ถ้าจากเมื่อก่อน เดือนปวดครั้งเดียว หรือ สองเดือนครั้ง แต่ช่วงนี้ปวดถี่ วันละครั้ง หรือวันละหลายๆ ครั้ง แถมปวดแล้วปวดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางจะไม่ธรรมดา อาจจะต้องมีการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม แบบนี้ก็ต้องมาพบแพทย์ทันทีเช่นกันครับ
[caption id="attachment_234753" align="aligncenter" width="503"]
Portrait of stressed young housewife in modern kitchen[/caption]
5. อาการปวดหัวที่ไม่ตอบสนองต่อยาแบบเดิมๆ : อันนี้ก็ตรงตัว นอกจากจะมีคาแรกเตอร์การปวดหัวแบบประจำอยู่แล้ว หลายๆ คนจะมียาที่ใช้เป็นประจำด้วย และทุกครั้งที่ใช้ก็มักจะตอบสนองดี ทีนี้ถ้าเกิดว่าใช้ยาแล้ว เอ๊ะ... ไม่หายสักที ทั้งๆ ที่เดิมใช้ยานี้ทีสองทีก็หายแล้ว แบบนี้มีแนวโน้มว่าอาการปวดหัวครั้งนี้จะไม่ใช่โรคปวดหัวแบบเดิมๆ แบบนี้ก็ควรมาพบแพทย์โดยเร็วเช่นกัน
ที่จริงอาการปวดหัวแบบที่มีธงแดง (red flag sign) ยังมีอีกหลายแบบ แต่ 5 อย่างที่กล่าวมานี่ถือว่าสำคัญ และสามารถสังเกตอาการด้วยตัวเอง ท่านใดที่อ่านแล้วเข้าข่าย แนะนำว่าอย่ามัวแต่วางใจซื้อยาแก้ปวดมากินต่อไปเองเรื่อยๆ ให้รีบมาปรึกษาแพทย์ใกล้บ้านจะดีที่สุด