20 มี.ค. "วันความสุขสากล"...ใช้ชีวิตให้มีความสุขยังไง

20 มี.ค. 2564 | 02:34 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มี.ค. 2564 | 09:42 น.

รู้กันหรือยัง สหประชาชาติ กำหนดให้ 20 มีนาคมของทุกปี เป็นวันความสุขสากล หรือ International Day of Happiness จากมติที่ประชุมสหประชาชาติในวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 เพื่อให้แต่ละประเทศ พัฒนาเสรษฐกิจไปด้วยความพร้อมของสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี

"วันความสุขสากล" มีที่มาจากประเทศภูฏาน ประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก ติดอับดับ 1 จากการวัดความรุ่งเรืองของชาติและความสำเร็จทางสังคม หรือดัชนีมวลรวมความสุข หรือ Gross National Happiness Index (GNH) โดยการวัดค่าดังกล่าว ไม่ได้วัดจากเศรษฐกิจ หรือความร่ำรวยทางวัตถุ แต่มองที่องค์รวมจิตใจที่ดีของประชาชนและชุมชน แสดงให้เห็นว่า ความสุขทางจิตใจสำคัญกว่าความสุขที่เกิดจากวัตถุ

การกำหนดวันดังกล่าวขึ้น สหประชาชาติ มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้ทุกคนร่วมเฉลิมฉลอง และตระหนักถึงความสุขอันเป็นเป้าหมายพื้นฐานของมนุษยชน รวมถึงแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของมนุษย์ และเพื่อเรียกร้องให้แต่ละประเทศผลักดันและเข้าถึงนโยบายสาธารณะที่จะเพิ่มความสุขให้แก่ประชาชนทุกๆ โดยสหประชาชาติได้มุ่งเป้าไปที่ความสนใจของโลก ต่อแนวคิดในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจว่า จะต้องประกอบไปด้วย การรวบรวม ความเสมอภาค และสมดุลเช่นเดียวกับการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน และบรรเทาความยากจน

นอกจากนี้ สหประชาชาติ ยังระบุว่า การพัฒนาทางเศรษฐกิจ จะต้องมาพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้บรรลุความสุขได้

“อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา” ผู้ก่อตั้ง และกรรมการบริหาร สลิงชอท กรุ๊ป ได้เล่าเกร็ดเล็กๆ ถึงความสุขและบทบาทหน้าที่ของมนุษย์ว่า จากการได้พูดคุยกับผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ซึ่งชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า 7 ทศวรรษ ท่านเล่าประสบการณ์หลายเรื่องที่น่าสนใจให้ฟัง รวมทั้งพูดถึงปรัชญาชีวิตด้วย

ท่านบอกว่า ตอนพระเจ้าสร้างโลก กำหนดให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายมีอายุ 30 ปี พร้อมทั้งกำหนดหน้าที่ด้วยว่าใครต้องทำอะไร

เร่ิมต้นจากมนุษย์ – มีหน้าที่กิน นอน เล่น เที่ยว และทำงานบ้างนิดๆ หน่อยๆ

วัวควาย – มีหน้าที่ทำงาน ไถ่นา ลากเกวียน ขนสัมภาระต่างๆ

หมา – มีหน้าที่เฝ้าบ้าน เป็นเวรยามตอนค่ำคืน และคอยหมั่นตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านหรือบริเวณที่อาศัยอยู่

กอริลา (ลิงขนาดใหญ่) – มีหน้าที่นั่งๆ นอนๆ ดูคนและสัตว์ที่ผ่านไปมา เวลาเดินให้เดิน 4 ขา (คือใช้ทั้งขาและมือ)

เมื่อมนุษย์และสัตว์ฟังแล้ว วัวควาย หมา และกอริลา ต่างส่ายหน้าบ่นว่าไม่ไหว ดูชีวิตยากลำบากมาก ขอมีอายุแค่ 10 ปีพอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มนุษย์เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลยเอ่ยปากขอชีวิตที่สัตว์อื่นๆ ที่คืนให้พระเจ้า

พระเจ้าถามย้ำว่า “แน่ใจหรือ จะเอาแน่นะ” มนุษย์ยืนยันเพราะฟังดูแล้ว ชีวิตน่าจะสบายที่สุด

พระเจ้าก็ประทานให้ และนี่จึงเป็นเหตุให้ช่วงชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่ 0-30 ปี เป็นเวลาที่มีความสุข ที่สุด มีอิสรภาพ สนุกสนาน ทำงานบ้างนิดๆ หน่อยๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะ (เพราะใช้ชีวิตมนุษย์) พออายุ 31-50 ปี คราวนี้ใช้ชีวิตของวัวควาย ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง เหนื่อยสายตัวแทบขาด เพื่อสร้างฐานะและครอบครัว

พออายุ 51-70 ปี เป็นชีวิตหมา วันๆ ต้องอยู่เฝ้าบ้าน กลางวันนอน กลางคืนตื่น มีเสียงอะไรนิดหน่อย ก็ลุกขึ้นมาดู นอนไม่ค่อยหลับ

สุดท้าย เมื่ออายุ 71-90 ปี คราวนี้ จะไปไหนก็ไม่ไหว ต้องเกาะไป คลานไป เคลื่อนไหวช้า เดิน 4 ขา วันๆ ได้แต่นั่งดูคนผ่านไปมา (เป็นชีวิตของกอริลา)

ฟังจบแล้ว ทำให้ต้องกลับมาคิดทบทวนว่า ตอนนี้เรากำลังใช้ชีวิตอะไรอยู่

แล้วคุณละ ?